รีวิว S7 edge ไปแล้ว จะขาดรุ่นเทพตัวเล็กอย่าง S7 ไปได้ยังไง วันนี้เอารีวิวแกะกล่องแบบไม่ค่อยจิกกัดมาฝากแฟน ๆ กับเครื่องสีทองที่สวยกว่าเดิม หรูกว่าเดิม น่าใช้กว่าเดิม
ตั้งแต่สมัย S6 ออกใหม่ ๆ ผมมีแซวไปว่า “งานก๊อปขั้นเทพ” แต่สุดท้ายก็ตกหลุมรักมันอยู่ดีเพราะ S6 รวมไปถึง S6 edge+ มันตอบโจทย์การใช้งานของผมมากกว่า ไอโฟน โดยเฉพาะกล้องที่สามารถเอามาถ่ายแหวนเพชรได้ประหนึ่งกล้องโปร จนทำให้การออกแบบที่ละม้ายคล้ายคู่แข่งกลายเป็นหัวข้อรองลงไป
มาดูซิว่าปีนี้ S7 จะปรับปรุงหน้าตา สเปค และ ความสามารถอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
อ้อ รีวิวนี้ทั้งหมดถ่ายด้วย S7 edge นะจ๊ะ
สเปค Samsung Galaxy S7
- ขนาดตัวเครื่อง 142.4 x 69.6 x 7.9 มม. หนัก 152 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียด QHD 2560 x 1440 พิกเซล
- ซีพียู Exynos 8890 Octa – Cores (2.3 GHz +1.6 GHz)
- จีพียู Mali T880
- แรม 4 กิ๊ก แบบ LPDDR4
- ระบบปฏิบัติการ Android OS 6.0 (Marshmallow)
- หน่วยความจำภายใน 32 GB เพิ่มเมมแบบ microSD ได้สูงสุด 200 GB
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f/1.7 แบบ Dual Pixel ถ่ายได้ดีในแสงน้อย
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล f/1.7 พร้อม Selfie Flash
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลิแอมป์ พร้อม รองรับ Fast Charge/ Wireless Fast Charge
- รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 802.11 a/b/g/n/ac, MU-MIMO, Bluetooth 4.2, USB 2.0 และ NFC
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 4G LTE
- ฟีเจอร์ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ใส่ได้ 2 ซิม แบบ Hybrid คือเลือกใส่
- สี: สีทอง, สีดำ และสีเงิน
- ราคา 23,900 บาท
ด้านหน้ากล่องที่คราวนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยมากับสีดำขรึมพร้อมตัวหนังสือสีเงิน และ สีน้ำเงินเงาแปลกตา โดยรวมดูหรูหราสง่างามฉีกภาพเดิม ๆ ไปจนหมดเลย
มุมกล่องด้านบนมีแถบสี พร้อมระบุว่าเครื่องในกล่องเป็นสีอะไร ความจุเท่าไหร่…..เครื่องนี้ Gold Platinum
ด้านหลังมีสเปคคร่าว ๆ พอสังเขป
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Galaxy S7
- คู่มือฉบับย่อ
- ที่จิ้มซิม
- สายดาต้า
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน
- หัวต่อ Smart Switch
- หูฟัง
- ซิลิโคนสำรอง 1 คู่
ปลั๊กชาร์จไฟบ้านที่จ่ายไฟ 2.0 แอมป์สำหรับการชาร์จแบบรวดเร็ว / Fast Charge ซึ่งมีในรุ่นเทพต่าง ๆ ตั้งแต่สมัย S6 ปีที่แล้ว ชาร์จเร็ว เต็มเร็ว
สายดาต้า / สายชาร์จ แบบ USB ที่คุ้นตา โดยข้างนึงเป็น MicroUSB เอาไว้ต่อกับมือถือ อีกข้างนึงเป็น USB เอาไว้ต่อกับปลั๊กชาร์จไฟ หรือ คอมพิวเตอร์เพื่อโอนถ่ายข้อมูล
งานนี้มีอุปกรณ์แปลกปลอมจากปกติมาให้นั่นคือ Smart Switch ซึ่งเป็นอแดปเตอร์เชื่อมต่อเพื่อโอนข้อมูลจากเครื่องเก่ามายัง Galaxy S7 edge แบบง่าย ๆ ผ่านสาย USB
วิธีใช้ง่ายแสนง่ายมีสอนอยู่ในชุดคู่มือฉบับย่อด้วย
คราวนี้หูฟังใส่กล่องมาอย่างสวยงาม ที่เล่นเอาตกใจไป 2 วิ ตอนเห็นครั้งแรก เพราะนึกว่ามีหูฟังรุ่นใหม่ สีใหม่ แต่พอเปิดกล่องออกมาถึงรู้ว่ากล่องสีชามันหลอกตาเรา 555
หูฟัง และ สายดาต้าสีขาวสะอาดตา วัสดุดีเยี่ยมสมราคาสองหมื่นกว่าบาท มาพร้อมซิลิโคนสำรองอีก 1 คู่
หูฟังซิลิโคนสำรอง 1 คู่ มีขนาดใหญ่กว่าที่ติดมากับหูฟัง เอาไว้ให้คนที่รู้สึกว่าหลวมได้เปลี่ยนเพื่อความพอดี
ที่จิ้มถาดใส่ซิมหน้าตาไม่เหมือนใคร ที่จับใหญ่จับถนัดกว่าของไอโฟนนะจะบอกให้
ตัวเครื่อง Gold Platinum สีทองเงาวิ้ง ๆมากับหน้าจอ ขนาด 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED QHD ความละเอียด สีทองอร่ามที่ปรับปรุงเปลี่ยนโทนจาก S6 ให้สีที่อ่อนลงโดยรวมดูแล้วสวยขึ้น แต่ยังไงผมก็ว่าสีทองสไตล์เกาหลีมันยังไม่สวยคลาสสิคเหมือนฝั่งยุโรป หรือ อเมริกา (ความชอบส่วตัว)
หลายคนเห็นภาพโปรโมทแล้วบอกว่าตัวนี้ดูแล้วหน้าตามันเหมือนเดิม (S6) ซึ่งผมยังแอบหวังว่ามันจะไม่เหมือนกัน เพราะผมแกะกล่อง S7 edge ก่อน โดยมันมีรูปทรงปรับปรุงจากเดิมพอสมควร
พอมาดูเจ้า S7 ถึงกับร้อง “คุณพระ” กันเลยทีเดียว เพราะด้านหน้ามันเหมือน S6 เสียเหลือเกิน…..เอามือทาบอกแพพ
นอกจากหน้าตาเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมาแล้ว สิ่งที่แตกต่างอย่างมากคือ น้ำหนักครับ คนพี่ S6 หนัก 132 กรัม ส่วนคนน้อง S7 หนักกว่าเดิมที่ 152 กรัม ซึ่งน่าจะเป็นผลหลัก ๆ มาจากชุดระบายความร้อนด้วยของเหลว และ ความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่น ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มมา 20 กรัม ผมว่าคุ้มค่า
โดยรวมถือจับกระชับมือ กดปุ่มต่าง ๆ เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย แถมใส่กระเป๋ากางเกงสบาย ๆ ด้วยความบาง 7.9ม.ม. โดยเฉพาะการแต่งตัวสไตล์ Street ที่กำลังมาแรง….รับ Yeezy สักคู่มั๊ยครับ ^^
ด้านหลังสีทองแบบใหม่ เงาวิ้ง ๆ ฟรุ้งฟริ้งมาก โดยคราวนี้สีจะออกทองส้ม ๆ หน่อยหากเที่ยบกับตัวเก่า มองรวม ๆ ผมว่าสีนี้สวยขึ้นกว่าเดิม ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก ๆ ด้วยความที่มันเงาสุด ๆ นั่นเอง หมั่นเช็ดกันหน่อยแล้วกัน แลกกับความสวยของมัน
แบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลิแอมป์ ใช้งานคู่กับ ซีพียู Exynos 8890 ตัวใหม่ของซัมซุง ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นโดยที่ความแรงไม่ลดลง น่าจะเหลือเฟือกับการใช้งานเต็มวันอย่างสบาย
ที่สำคัญใน S7 และ S7 edge มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว หรือ Liquid Cooling เพื่อช่วยลดอุณหภูมิของ ซีพียู อันเป็นตัวการที่ทำให้ฝาหลังร้อนเวลาใช้งานหนัก ๆ โดยเฉพาะเมื่อรุ่นนี้เป็นระบบ Total Seal คือ กันน้ำ กันฝุ่น ระดับ IP68 ลงน้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที ทำให้แทบไม่มีช่องให้ระบายความร้อน
หากใครจำรีวิว Samsung Galaxy S5 ของผมได้ ผมจะบ่นเลยว่า S5 ร้อนเร็วมาก ซึ่งนั้นเพราะ S5 กันน้ำ กันฝุ่นเช่นเดียวกัน
ปีนี้เค้ามาพร้อมเทคโนโลยี Liquid Cooling ซึ่งเท่าที่ลองดูมันทำงานได้เมพขิง ๆ …..อันนี้เจ๋งจริง
Samsung Galaxy S7 edge มาพร้อมชุดเลนส์ f/1.7 ที่ปรับปรุงใหม่ แบนเรียบติดกับฝากหลัง ไม่นูนออกมาเกะกะเหมือนก่อนแล้ว แถวมาพร้อมนวตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการสมาร์ทโฟน นั่นก็คือ เซ็นเซอร์แบบ ดูอัลพิกเซล (Dual Pixel) ที่มีแผ่นรับแสง รับภาพใหญ่กว่าเดิม ทำให้โฟกัสเร็วกว่าเดิม ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีกว่าเดิม นั่นหมายความว่าเราเพียงแค่ยกกล้องขึ้นมา กดถ่ายแช๊ะ ก็น่าจะได้รูปสวย ๆ แล้ว
ขอบโลหะรอบตัวเครื่องสวย ๆ ของ S7 ด้านขวาเป็นปุ่มรับเพิ่ม-ลดเสียง ด้านซ้ายเป็นปุ่ม Power เช่นเคย
ด้านหน้ามาพร้อมกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์จัดเต็มตามสไตล์ซัมซุง ฟรุ้งฟริ้ง หน้าเรียว ตาโต ผิวผ่องอะไรประมาณนั้น สาว ๆ ไม่ต้องห่วง รุ่นนี้จัดเต็มที่สุดแล้วหล่ะ
ด้านหน้าส่วนล่างก็ตามสไตล์ซัมซุงทุกรุ่นที่คุ้นเคยกันดี ตรงกลางเป็นปุ่มโฮมรูปทรงรี ขนาดบ้างด้วยปุ่มลูกศร คือ ปุ่มย้อนกลับ ทำอะไรอยู่ไม่รู้ อยากกลับไปหน้าที่แล้วกดปุ่มนี้ได้เลย ใครอยากออกจากแอพฯ กดลูกศรรัว ๆ หรือ จะกดปุ่มโฮมก็ได้
ใช้งานไปนาน ๆ หรือ เล่นแอพฯ เยอะ ๆ กดปุ่มอีกข้างนึงที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกัน จะเป็นปุ่มเรียกดูรายการแอพฯ ที่เปิดใช้งานค้างในเครื่อง จะสลับแอพฯ ปิดแอพฯ เพื่อให้เครื่องทำงานเร็วขึ้นก็ปุ่มนี้ปุ่มเดียวจบ
หัวเครื่องอันคุ้นตามาตั้งแต่ปีก่อนแต่ยังคงสวยงามทันสมัยไม่เอ้าท์
ฝั่งซ้ายมือของเราเป็นถาดใส่ซิม + เมม ส่วนรูทางขวามือนั้นเป็นรูไมโครโฟนอัพเสียงตอนถ่ายวีดิโอ
ตูดเอ้ย…ก้น…เอ้ย อืม…เรียกส่วนล่างของเครื่องละกัน โดยรวมไม่ต่างกับ S6 ปีก่อนมากนัก ตรงกลางเป็นช่องเสียสายชาร์จ/ดาต้า ด้านขวาของเราที่เห็นรูเยอะ ๆ นั่นคือลำโพงเสียงภายนอกสำหรับเสียงเรียกเข้า และ เสียงมัลติมีเดียต่าง ๆ ถ้าสังเกตุดี ๆ ข้าง ๆ กันนั้นจะมีรูเล็ก ๆ อยู่รูนึง มันคือไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์
ด้านซ้ายมือของเราเป็นช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. อย่างเคย
อีกจุดหนึ่งที่ถูกใจผมมากก็คือ เค้าเอาช่องใส่เมมโมรี่การ์ดแบบ MicroSD กลับมาแล้ว โดยเป็นช่องแบบ Hybrid หรือ 2 ซิมพิการอย่างที่ผมเคยแซวไปสมัย Galaxy A5 โน้น
ช่องล่างเป็นช่องใส่ SIM1 ช่องบนเป็นช่อง Hybrid สามารถใส่เมมก็ได้ หรือ จะใส่ SIM2 ก็ได้ ซึ่งตรงนี้ตามสเปคเค้าบอกว่ารองรับสูงสุด 128 กิ๊ก ตามที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด แต่ยังแอบมีบอกว่าอนาคตหากมีเมมความจุสูงกว่านี้ S7 ก็บ่ยั้นนะแจ้
ใครจะใส่ SIM2 ให้ขวางซิมเข้าตามร่องแบบในภาพด้านบนนะครับ
โดยรวมตัวถาดซิมพลาสติคผมว่านิ่มไปหน่อย ให้ระวังนิดนึงต้องค่อย ๆ ใส่เข้าไปในช่อง อย่ากดลงไปทีเดียว
เมมในตัวเครื่อง 32 กิ๊ก เหลือให้ใช้จริงประมาณ 20 กิ๊ก เช่นเดียวกับ S7 edge ส่วนแรมก็เช่นเดียวกัน จาก 4 กิ๊กเหลือให้ใช้ 1.8 กิ๊ก เปิดแอพฯ เยอะ ๆ หนัก ๆ จะลดลงเหลือประมาณ 1 กิ๊ก ซึ่งถือว่าบริหารจัดการแรมได้ดีทีเดียว ลื่นปรื๊ด ๆ ไม่ต้องห่วงครับ
สรุปเบื้องต้น
- ชอบดีไซน์ซัมซุงเป็นทุนเดิม โดยคราวนี้มีการปรับเส้นสายโค้งมนมากขึ้น ดูทันสมัย และ น่าใช้มากขึ้น (ขึ้เห่อนั่นเอง)
- น้ำหนักเทียบกับ S6 edge ถือว่าหนักขึ้น แต่ผมใช้ S6 edge+ อยู่ พอมาใช้เจ้า S7 edge ทำให้รู้สึกเบามือลงพอสมควร ตัวเครื่องดูเล็กลงแต่ขนาดหน้าจอต่างกับ S6 edge+ ไม่มาก
- จุดเด่นของรุ่นนี้จริง ๆ เป็นซีพียูตัวใหม่กินไฟน้อยกว่าเดิมโดยยังคงความแรงอยู่การใช้งานยังไม่สามารถมโนว่าแรงกว่าเดิม เพราะใช้งานได้เพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ยังไม่รู้สึกว่าแรงกว่า S6 edge+ มากนัก
- กันน้ำ กันฝุ่น IP68 คือ น้ำลึก 1 เมตร 30 นาที เครื่องไม่พัง แหมมมม มาทันสงกรานต์พอดีเลย
- จุดเด่นอีกอย่างที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือระบบระบายความร้อนของ ซีพียู ด้วยแผงของเหลวที่ฝังอยู่ใต้ฝาหลังเช่นเดียวกับ S7 edge ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี โหลดแอพฯ มากมาย แถมอัพเดทซอฟแวร์เครื่องยังไม่ปรากฏอาการร้อนให้เห็นเหมือนรุ่นอื่น ๆ
- แบตเตอรี่เท่าที่ลองยังไม่รู้
- นอกจากกันรอยแล้ว บรรดาเคสต่าง ๆ หายากเช่นกัน ตอนนี้อาศัย เคสของ Tutu หรือ ไม่ก็เคสแท้ไปเลย
ไปอ่านรีวิวกล้องกันต่อที่
รีวิวกล้อง Samsung Galaxy S7 / S7 edge รูปโคตรเยอะตามสไตล์พี่อาร์ต
ปิดท้ายกันด้วยภาพคู่กับรุ่นเก่า S6 vs S7 กัน
เครื่องซ้าย (หน้าจอดำ) = S6
เครื่องขวา (หน้าจอมีเวลา) = S7
สีทองเค้าออกคนละโทนนะ ผมว่า S6 เหลืองทองกว่า ส่วน S7 ออกเหลืองอมชมพู คือก้ำกึ่งระหว่าง Pink gold กับ Gold
ด้านหลัง S6 แบนเรียบมีขอบข้างยกขึ้นมา
ด้านหลัง S7 โค้งมน ขอบเครื่องเกือบเสมอกับแผ่นหลัง
จากตรงนี้ไป เครื่องบนเป็น S6 ส่วนเครื่องล่างขอบสีเทา ๆ เป็น S7
สีขอบรุ่นใหม่ของ S7 นั้นเป็นสีทองด้าน ๆ ซึ่งสีเข้มกว่า S6 เวลาถ่ายรูปมามันออกเป็นสีเทา แต่ของจริงทองกว่านี้นะครับ
มุมนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของทั้ง 2 รุ่นได้เป็นอย่างดี โดย S6 นั้นจะตัดขอบเรียบ แต่ S7 ขอบจะมนไปเลยแต่ไม่โค้งมาก ซึ่งความแบนตรงนี้ของ S7 ผลต่อการถือจับค่อนข้างมาก ผมชอบแบบใหม่มากกว่านะ
ขอให้มีความสุข สนุกกับ LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ