สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ที่น่ารัก และ ชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจวันนี้ xenon_art ของแนะนำ 10 ข้อควรรู้ในการเตรียมตัวไปเที่ยวสิงคโปร์แบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองสไตล์ครอบครัว
รายละเอียดพิธีการในการเดินทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสายการบิน น้ำหนักกระเป๋า การผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ไม่ขอพูดนะ มีหลายเวปแล้ว ขอแชร์ในมุมคนไปแบบครอบครัว เน้นเที่ยวแบบไม่ค่อยประหยัด แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย ตามสไตล์ของผม
1 . ไปเที่ยวไหนดี
คำถามแรกสำหรับหลาย ๆ คนที่คิดชื่อ สิงคโปร์ ออกมาเป็นจุดหมายปลายทางของครอบครัว คงนึกถึงรูปปั้นเมอไลอ้อน….กลายเป็นรูปสำคัญรูปหนึ่งที่ “เค้าว่าต้องถ่าย” แต่ถามว่ามีอะไรมั๊ย ผมไปมาแล้ว ไม่มีอะไรตื่นเต้น ก็แค่ไปถ่ายรูปคู่กับสัญลักษณ์ของประเทศเค้า
แล้วไปไหนดีหล่ะ? สิงคโปร์จริง ๆ เป็นประเทศเศรษฐกิจ ไม่มีอะไรตามธรรมชาติให้เที่ยวนัก ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งสิ้น โดยสิ่งที่น่าสนใจที่ผมแนะนำให้ลองไปมีดังนี้
- Universal Studio – ตามไปอ่าน เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 3 เที่ยว Universal Studio แล้วไปซื้อของเล่น Funan IT Mall
- Adventure Cove – ตามไปอ่าน เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 2 – ว่ายน้ำชมปลากระเบนที่ Adventure Cove ต่อ Vivo City
- Garden by The Bay + Singapore Sky Tree – เดินชมสวนสวย ๆ ที่ใช้เงินเนรมิตรหลากหลายพันธุ์ไม้ดอกสวย ๆ ดูสิ่งก่อสร้างเก๋ ๆ ที่ไปยืนดูแล้วต้องถามตัวเองว่า “เอ้อ…เค้าช่างสร้างเนอะ”
- The Sand – หาเวลาช่วงเย็นขึ้นไปดูวิวสวย ๆ จิบเครื่องดื่มเบา ๆ ผ่อนคลายสบาย ๆ เลือกร้านอาหาร หรือ Pub ง่าย ๆ ที่อยู่ชั้นบนเพื่อชมวิว
- วัดพระเขี้ยวแก้ว – สายบุญคงชอบ แวะไปไหว้สักการะรับบุญนิดนึง
- Clark Quey – ดื่มด่ำกับบรรดาร้านอาหารแพง ๆ และ Pub ต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ริมน้ำ พาลูกไปได้แต่กลับเร็วหน่อยนะ ตอนกลางคืนเค้าเริ่มจะปาร์ตี้กัน
- ลองกินอาหารพื้นเมืองตาม Hawker place – ไปลองกินฟู๊ตคอร์ทสไตล์สิงคโปร์ดูมั่งมีอาหารแปลก ๆ เยอะ อ้อ…ปลากระเบน เป็นเมนูต้องลอง ตามไปอ่าน เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 3 เที่ยว Universal Studio แล้วไปซื้อของเล่น Funan IT Mall
อาหารการกินก็ผสมผสานจีนฮกเกี้ยน ไหหลำ มาเลย์ และ อังกฤษ เมื่อมาสิ่งที่ห้ามพลาดในการชิมคงหนีไม่พ้นข้าวมันไก่ Boon Tong Kee ในตำนาน แต่ส่วนตัวผมชอบสไตล์ฮ่องกงมากกว่า นอกจากไก่แล้ว Chili Crab หรือ ปูผัดผงกระหรี่สไตล์สิงคโปร์เป็นสิ่งที่ต้องลอง ด้วยรสชาติหวาน เค็ม เผ็ดนิด ๆ ต่างจากสไตล์ไทย ๆ ที่คุ้นเคย…บอกเลยว่าไก่พลาดได้ แต่ปูนี่ต้องมีในตารางการเดินทางเลยหล่ะ ร้านหลัก ๆ ก็ Jumbo, No Signboard และ Clark Quey Seafood ครับ
2. ช๊อปปิ้ง
ราคาของที่นี่เทียบแล้วจะแพงกว่าฮ่องกงนิด ๆ คิดแล้วถูกกว่าบ้านเราเล็กน้อยไม่เกิน 10% ใครตั้งใจบินไปช๊อปปิ้งบอกเลยว่าผิดหวังเพราะแบรนด์เนมนั้นไม่ได้ถูกกว่าบ้านเรา ที่ซื้อได้ก็ Charles and Keith นอกนั้นก็แค่ซื้อติดไม้ติดมือพอไหว พวก LV พวก Chanel หรือ Prada ซื้อได้พวกรุ่นที่บ้านเราของขาดตลาด หรือ ไม่เอาเข้า ถ้าของเหมือนกันซื้อที่ไทยดีกว่า อย่างน้อยเราได้ Service ในอนาคต
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าบินไปแล้วจะหมดสนุก เพราะแม้เป็นยี่ห้อเดียวกันแต่คอลเลคชั่นไม่เหมือนกัน บางรุ่นบ้านเราไม่นำเข้าก็มี ย่านช๊อปปิ้งสุดชิค คือ ถนนออร์ชาร์ต / Orchard ที่มีห้างเรียงรายตลอดสาย เน้น ๆ เลยก็ ION Mall ห้างสุดเก๋ที่หัวถนน อารมณ์ Siam Center แบรนด์กลาง ๆ เยอะ และ Takashimaya ที่รวบรวบแบรนด์เนมทั่วโลกระดับไฮเอนด์ อารมณ์ Paragon แถมยังมีแบรนด์ญี่ปุ่นให้เลือกอีกเพียบ ใครแวะไปห้ามพลาดสวรรค์นักชิมที่ชั้นใต้ดิน….ของกินเพียบ
สายครอบครัว ถ้านอนแถว Sentosa มุ่งหน้าไป Vivo City ที่เดียวจบ ของเด็กมากมายหลายร้าน ของผู้ใหญ่ครบ ๆ อารมณ์ เซ็นทรัล West Gate
คนที่พาลูก ๆ ไปเที่ยวคงจะสนุกกับการซื้อของเล่นที่มีทุกห้าง ทุกตึก ไม่ว่าจะเป็นตึกอะไรก็จะต้องมีร้านของเล่นอย่างน้อย 1 ร้านเสมอ โดยราคาของเล่นที่นี่ แพงกว่าฮ่องกง ถูกกว่าบ้านเรา….ของเล่นเด็กผู้หญิงแปลก ๆ สวย ๆ มีมากกว่า 50% ที่ฮ่องกงไม่มี ผมได้ของลูกสาวมาเยอะเลย
ใครเน้นซื้อของเล่น ของสะสมไปอ่าน ชี้เป้า พาเที่ยวแหล่งของเล่นในสิงคโปร์ สำหรับเด็กน้อย และ เด็กเหลือน้อย
3. นอนย่านไหนดี
คำถามยอดฮิต และ เชื่อว่าแต่ละคนต้องการคำตอบไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนว่าแผนการเที่ยวสิงคโปร์เป็นอย่างไร
- เน้นช๊อปปิ้ง เดินห้าง ไปเลย Orchard มีหลายโรงแรม ผมเคยนอน Mandarin Orchard ใช้ได้เลย เดินออกจากโรงแรมก็ Takashimaya ทันที ประหยัดค่าเดินทางไปเยอะ
- หากเน้นเที่ยว Sentosa และงบมากพอแนะนำนอนในนั้นเลยครับคืนละหมื่นกว่าบาท หรือ เอาโรงแรมใกล้ ๆ ย่านนั้น
- แต่หากเน้นถูกแล้วอาศัยนั่งรถไฟฟ้า คงต้องบอกว่านอนไหนก็ได้ที่ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งหนึ่งในโรงแรมที่น่าสนใจคือ V Lavender Hotel ที่ราคากลาง ๆ ระหว่าง 3 – 5 พันกว่าบาทแล้วแต่ช่วงเวลา
เอานอนดีหน่อย นั่งแท๊กซี่ได้ ราคากลาง ๆ ไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ สะดวกเอาที่ผมเคยนอนแล้วว่าโอเคก็
- Pan Pacific
- Carlton Hotel
- Mandarin Oriental
ส่วนพวก Ritz Carlton กับ Oriental Hotel ผมว่าราคาเกินไปโดยไม่จำเป็น
เอ๊ะ……รึจะ Marina Bay Sand ^^
4. พกเงินสด หรือ รูดบัตรดี?
สิงคโปร์ใช้เงินสกุล SG$ หรือ Singapore Dollas โดยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 1 ดอลล่าห์สิงคโปร์ = 25.50 – 26 บาท ก่อนแลกเงินก็เช็คราคากันสักนิดตามลิ้งค์ด้านล่าง แต่ละที่ไม่เท่ากัน
****ห้ามไปแลกสนามบินเด็ดขาดเพราะแพงกว่าในเมืองแม้จะเป็นธนาคารเดียวกัน****
สำหรับคนที่คิดจะไปรูดการ์ดที่โน่น อัตราแลกเปลี่ยนจะถูกบวกเข้าไปเล็กน้อย
****เวลาใชับัตรเครดิต ถ้าเค้าถามว่าจะชาร์จเป็นเงินไทย หรือ สิงคโปร์ ให้เลือกสกุลเงินสิงคโปร์จะถูกกว่า****
เราสามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ฮ่องกงด้วยบัตร Visa Global หรือ บัตร ATM ไทยได้ทันที โดยอัตราแลกเปลี่ยนจะแพงกว่าแลกเงินสดประมาณ 20 สตางค์ พอ ๆ กับรูดการ์ด
คำถามสำคัญของคนไม่เคยไปสิงคโปร์คือ “แลกเงินไปเท่าไหร่ดี” ถ้าคุณชอบใช้บัตรเครดิตเหมือนผม ไปสัก 4 วัน 3 คืน แลกเงินไปคนละ 1 หมื่นบาทเป็นค่าแท๊กซี่ กินขนม และ ซื้อของจุกจิกก็เหลือเฟือ ส่วนอื่น ๆ รูดการ์ดหมด ถ้าจะมาซื้อของเล่นตามตึก China Square Central และ Funan ให้แลกมาเยอะหน่อย หลายร้านไม่รับการ์ด
5. สภาพอากาศ
สิงค์โปร มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน คือ เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนตุลาคม และ ฤดูฝน คือ เดือนพฤศจิกายน – เดือนมกราคม โดยรวมอากาศจะร้อนทั้งปีคล้ายบ้านเรา แต่ร้อนและอบอ้าวน้อยกว่า อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยคือ 31 องศาเซลเซียส และต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าฝน คือ ร้อนชื้นนิด ๆ + ฝนตก โดยฝนตกจะตกไม่นาน แต่ตกวันละหลายรอบ
ถ้าถามว่าจะไปช่วงไหนดี…ถ้าคุณมีครอบครัวเหมือนผม คงต้องแล้วแต่เวลาของลูกเป็นหลักซึ่งคงเป็นช่วงวันหยุด วางแผนดี ๆ โดยไปสวนสนุกในวันธรรมดา แล้วเที่ยวในเมืองวันเสาร์-อาทิตย์ ใครจะไปเที่ยวสวนสนุกแนะนำให้เตรียมเสื้อกันฝนสำหรับเด็ก โดยเป็นแบบแบบคลุมหัว จะเที่ยวสะดวกกว่าเดินกางร่มเยอะ
ก่อนเดินทางแนะนำเวปเช็คอากาศ 2 เวปที่ผมใช้ประจำ โดยแบบแม่น ๆ อันแรกเป็นกรมอุตุของ Singapore
http://www.weather.gov.sg/home/
และ แบบละเอียด
http://thai.wunderground.com/global/stations/48698.html
6. การแต่งตัว
คนที่นี่แต่งตัวเหมือนคนไทยครับ ไม่ต้องห่วงอะไร อยู่บ้านเราแต่ตัวหล่อ ๆ ไปเที่ยวแบบไหน เวลาไปสิงคโปร์ก็แต่งแบบนั้น ต่างชาติอื่นอย่างฮ่องกง เกาหลี และ ญี่ปุ่น ที่แต่งตัวจัดจ้าน พร๊อพเยอะ
ฉะนั้นมาเที่ยวที่นี่สบายกระเป๋ากว่า เวลาผมมาประชุมก็ใส่สูทปกติ เวลามาเที่ยวก็ขาสั้นเสื้อยืด กระเป๋าสะพายก็ไม่ต้อง ขาดเหลืออะไรก็ซื้อเอา คิดประหนึ่งว่าอยู่เมืองไทย
รูปด้านล่างนี้ผมถ่ายกับเพื่อนคนสิงคโปร์ ก็จะประมาณนี้
7. ต้องเตรียมหัวแปลงปลั๊กไฟหรือเปล่า?
สิงค์โปรใช้ไฟแบบ 220w เหมือนบ้านเรา แต่จะเป็นปลั๊ก 3 ขาเหลี่ยมตามรูปด้านล่าง
เห็นหลายคนเวลาเดินทางมักจะกังวลเรื่องปลั๊กมาก ๆ และ หลายคนเตรียมตัวหาหัวแปลงปลั๊กกันไปเต็มกระเป๋า แต่จากประสบการณ์ตรงนั้น หากเราไปพักโรงแรม เค้าจะมีหัวแปลงไว้คอยบริการฟรีอยู่แล้ว หากในห้องไม่มีให้โทรไปขอที่ House Keeping บอกขอ “อะแดปเตอร์” เค้าเข้าใจทุกโรงแรม
พาลูก ๆ เที่ยวนี่ของเยอะอยู่แล้ว อะไรไม่จำเป็นก็ตัดไปบ้าง นอกเสียจากท่านจะไปพักพวก โฮสเทล ราคาประหยัด อย่างนี้ต้องเตรียมหัวปลั๊กไป
ครอบครัวผมอุปกรณ์เยอะ ซื้อหัวปลั๊กแบบหัวเดียวชาร์จได้ 4 ชิ้น ทั้งไอแพด ไอโฟน และ แอนดรอยด์ พกพาง่าย ประหยัดพื้นที่ เบากระเป๋า ^^
8. SIM Card
สิงค์โปรมีซิมยอดฮิตให้เลือก 2 ตัวด้วยกันคือ SingTel กับ StarHub (คลิ๊กที่ชื่อเพื่อเปิดลิ้งค์ตรง) ตามนี้
พออ่านรายละเอียดแบบเร็ว ๆ ปุ๊ป ไม่ต้องคิดมากเลย ไปถอยซิม SingTel กันได้เลย ถูกกว่า ใช้งานได้มากกว่า ซื้อซิมจ่ายเงิน 15 เหรียญ (390 บาท) ได้ซิมแบบ 3 in 1 คือ ซิมเดียวแกะใช้งานได้ครบ 3 ขนาด
ที่สำคัญมันใช้งานง่ายมาก ๆ ใส่เข้าเครื่องปุ๊ป เครื่องเช็คหาสัญญาณเจอปุ๊ป เล่นได้ทันที ระยะเวลาก็เริ่มนับไป 5 วันนับจากวันที่ใส่ซิม เล่นเน็ตได้ 100 กิ๊ก โทรในประเทศได้ 500 นาที โทรต่างประเทศ 30 นาที และ ส่ง SMS ในประเทศได้ 100 ข้อความ โอ้วววว…..คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
ความเร็วหน่ะเหรอ…..ก็ 3G เบา ๆ วิ่งเกือบ 10 เมก ^^
9. แท๊กซี่ชีวิตเปลี่ยน
วิธีเดินทางจากสนามบินไปโรงแรม บัตรโดยสารต่าง ๆ รวมถึงพวก Tourist pass คงไม่พูดถึง ท่านอื่นเค้ารีวิวกันไปหมดแล้ว ที่สำคัญ…..ไม่ใช่แนวผม
หากคุณเดินทางแบบครอบครัว โดยเฉพาะมีเด็กเล็ก อุปกรณ์เยอะ การนั่งแท๊กซี่นั้นจะเป็นสวรรค์ของคุณ…เก็บแรงไว้เที่ยว ดีกว่าเอาแรงไปโหนรถไฟฟ้า ความลำบากเพียงอย่างเดียวของการเดินทางด้วยแท๊กซี่คือ หา Taxi Stand ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เท่านั้น เพราะไม่สามารถโบกเอาตามใจชอบได้เหมือนบ้านเรา
คนส่วนมากบอกว่าค่าแท๊กซี่สิงค์โปรแพงมาก ใช่….แพง แต่ด้วยประเทศเค้าเล็กไปไหนมาไหนมันไม่ได้ไกลมากระยะทางที่จำกัดทำให้มิเตอร์มันก็วิ่งได้แค่นั้นแหละ ยิ่งถ้าเรารู้เทคนิคการนั่งแท๊กซี่แล้วจะรู้ว่าค่าแท๊กซี่ไม่ได้แพงเสมอไป
สิ่งที่ควรรู้
- แท๊กซี่มีหลายเกรด เริ่มกดมิเตอร์หลายราคา สังเกตุราคาที่กระจกก่อนขึ้น รถสีแดง รถสี ๆ ทั่วไปจะเริ่มประมาณ 3 เหรียญกว่า ๆ แต่ถ้าเจอรถคันใหญ่ ๆ สีดำก็เริ่มกันที่ 5 เหรียญ
- ถนนที่สิงค์โปรเค้าเก็บค่าใช้งานตามเวลา และ สถานที คือถ้าเป็นเวลาเร่งด่วน (ตอนรถติด) เค้าจะคิดแพงกว่าช่วงเวลาอื่น ยิ่งผ่านแถว Orchard หรือ Clark Quay นี่หัวแตกเลย
- การเรียกแท๊กซี่ให้มองหา Taxi Stand เพื่อเข้าคิวขึ้นรถ การลัดคิวเป็นอะไรที่คนที่นี่เกลียดมาก ขนาดเดินตามไปต่อว่าถึงรถแท๊กซี่จนต้องลงมาต่อคิวผมเห็นมาแล้ว
- ทุกห้างฯ ทุกสถานที่ท่องเที่ยว ทุกอาคารจะมี Taxi Stand ให้มองหาป้าย หรือ ถามลุงยามได้เลยว่า “อังเคิ่ล อังเคิ่ล แวร์อีส แท๊กซี่สแตน”
- แท๊กซี่บางคันรับบัตรเครดิต สามารถสอบถามตอนขึ้นรถได้
ยกตัวอย่างค่าแท๊กซี่ของผม
- นั่งจากสนามบินมานอนแถว Bugis ตอนประมาณบ่าย 3 โมง ประมาณ 18 เหรียญ
- จากโรงแรมย่าน Bugis ไป Sentosa ตอนประมาณ 10 โมงเช้า ประมาณ 12 เหรียญ
- จาก Vivo City ไป Bugis ตอน 5 โมงกว่า ประมาณ 16 เหรียญ เพราะไม่ผ่านถนนสายธุรกิจ
- จาก Bugis ไป Takashimaya ตอน 2 ทุ่ม โดนค่าแท๊กซี่ 7 เหรียญ + ค่าผ่านทาง 9 เหรียญ รวม 16 เหรียญ
รู้แบบนี้แล้วเพื่อน ๆ สามารถวางแผนการเดินทางไม่ให้ชนกับเวลาเร่งด่วนได้ หากจำเป็นจริง ๆ เลือกใช้บริการแท๊กซี่ในช่วงเวลาทั่วไป และ นั่งรถไฟฟ้าในเวลาเร่งด่วนเพื่อประหยัดก็ยังไหว
สำหรับผม ผมพาลูกไปหัดนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินครั้งนึง เพื่อเก็บประสบการณ์ และ สอนให้เค้าเรียนรู้การใช้งาน มองหาความต่างกับการขึ้นรถไฟฟ้าของประเทศอื่น ๆ เสร็จแล้วแท๊กซี่ตลอดทริปจ้า ^^
10. แอพฯ แนะนำ
ที่ขาดไม่ได้เลยคือแอพฯ สายการบินที่เราใช้บริการในการเดินทางแต่ละทริป เอาไว้เช็คอินเพื่อประหยัดเวลาที่สนามบิน อีกทั้งยังสามารถเลือกที่นั่งได้ก่อน ประหยัดเวลาทั้งของครอบครัวเรา และ ไม่ทำให้คนอื่นเสียเวลา
ปัจจุบันทุกสายการบินระดับโลกจะมีแอพฯ ไว้คอยบริการอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน หรือ แอนดรอยด์ โหลดมาติดเครื่องไว้ จัดการ log in ให้เรียบร้อย บางสายการบินเค้าจะให้เรากรอก booking code เพื่อดึงข้อมูลการเดินทางของเรา พอใกล้ถึงเวลาบินจะมีการแจ้งเตือนด้วย…แนะนำให้หัดใช้ก่อนวันเดินทาง
นอกจากนั้น แอพฯ ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็มีให้เลือกใช้มากมาย แต่ที่ง่ายที่สุดคือ Trip Adviser แอพฯ เดียวมีข้อมูลทั่วโลก ต่อไวไฟ แล้วโหลดข้อมูลก่อนเดินทางไว้ก่อนจะดีมาก ๆ (แต่เวลาใช้งานต้องมีอินเตอร์เน็ตด้วย)
ตอนใช้งานสามารถร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวรอบตัวเราได้ด้วยการจับ GPS ของเครื่อง ทำให้เวลาเราไปที่แปลก ๆ แบบไม่ได้เตรียมตัวยังพอเช็คข้อมูลได้ว่าคนแถวนี้เค้ากินอะไร ไปเที่ยวไหนกัน
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่วางแผนไปสิงคโปร์ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะคนที่จะไปเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรก และ สำหรับคนที่ไปหลายครั้งแล้ว ลองเที่ยวในแบบของผมดูบ้างเผื่อได้รสชาติอีกแบบครับ ^^
บทความน่าอ่าน
- เที่ยวสิงค์โปรฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 1 – เช็คโรงแรม ตึกของเล่น ดูของกิน Raffles City
- เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 2 – ว่ายน้ำชมปลากระเบนที่ Adventure Cove ต่อ Vivo City
- เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 3 เที่ยว Universal Studio แล้วไปซื้อของเล่น Funan IT Mall
- เที่ยวสิงค์โปรฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 4 กินติม Godiva, Mr. Bean ซื้อของเล่น Suntec Mall
- ชี้เป้า พาเที่ยวแหล่งของเล่นในสิงคโปร์ สำหรับเด็กน้อย และ เด็กเหลือน้อย
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ