พาลูกชายวัย 9 ขวบไปตะลุยสิงค์โปรครั้งแรกในชีวิต มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนุกบ้าง เผื่อเป็นแนวทางให้เพื่อน ๆ ที่มีแผนไปเที่ยว ไปกิน ไปซื้อของเล่น ไปสนุกตามประสา
ผมเองไปสิงค์โปรมาจะ 10 ครั้งแล้ว แต่ทั้งหมดมาเรื่องงานล้วน ๆ ครอบครัวไม่เคยมาด้วยเพราะส่วนมากไปแต่ฮ๋องกงตามที่แฟนเพจของผมรู้กันดี คราวนี้คุณลูกอินกับหนัง Jurassic World เป็นอย่างมาก เรียกร้องอยากไป Universal เพื่อสัมผัส Jurassic Park
หลังจากเคลียร์กับภรรยาได้ลงตัว จึงเกิดทริปตะลุยสิงค์โปร 2 พ่อ-ลูกนี้ขึ้นมา ไปแล้วเลยเอามาเล่า เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ท่านอื่น
ก่อนอื่นหาวันเที่ยวซะก่อน แน่นอนหากจะเที่ยว Universal Studio ควรไปวันธรรมดาเพราะคนน้อยเล่นสบายกว่า สุดท้ายมาลงตัวปลายเดือนกรกฎาคมกับเที่ยวบิน 11:15 การบินไทย รักคุณเท่าฟ้า
เพื่อความรวดเร็ว แนะนำให้เช็คอินออนไลน์ผ่านหน้าเวปไซท์ หรือ ใช้แอพฯ Thai Airway บน iOS และ Android ได้เลยเพราะคิวการบินไทยยาวววววว……..มากกกกกกก
ผมลืมเช็คอินมาก่อนเสียสนิท พอมาถึงเห็นคิวปุ๊ป รีบเข้าคิวพลางโหลดแอพฯ พลาง จัดการเช็คอินบนมือถือใช้เวลาแค่ 2 นาที แล้วเดินหล่อ ๆ ออกจากแถวอันยาวเหยียดเพื่อเอากระเป๋าไปส่งที่เคาเตอร์ Online Checked In
ถึงสนามบิน 9 โมงเช้าจัด BurgerKing ให้ท้องแน่นเลยนะ เพราะอาหารบนเครื่องลูกผมไม่ชอบทาน
อ้อ ผมให้เค้าสะพายกระเป๋าเล็ก ๆ ไว้ใส่ของใช้ส่วนตัวเพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบ หัดแบบนี้ตั้งแต่เค้า 5 ขวบ สอนว่าต้องพกอะไรบ้าง แต่ละอย่างใช้ทำอะไร ตอนนี้สบายมาก ก่อนบินก็จัดขนม และ ของจำเป็นบนเครื่องบินเองได้เลย
ของในกระเป๋าไม่มีอะไรมาก ไอแพดเครื่องนึง หูฟัง (จะได้ไม่รบกวนคนอื่น) ขนมขบเคี้ยว และ ลูกอมเอาไว้แก้หูอื้อ
ตอนนี้เที่ยวบินไปสิงค์โปรการบินไทยยังคงใช้ Boeing 777 เหมือนเดิม นั่งสบาย อาหารปานกลาง บิน 1 ชั่วโมง 50 นาทีก็ถึงแล้ว
ผ่านตม. รับกระเป๋าที่ Terminal 1 เดินผ่านศุลกากรช่องเขียว เลี้ยวขวาเจอ Starbuck เดินเลยไปหน่อยก็เจอเคาเตอร์แลกเงินของ RHB Bank
ไปซื้อซิม SingTel มาใช้เล่นเน็ตถูก ๆ 5 วัน 100 กิ๊ก โทรในประเทศได้ 500 นาที โทรทั่วโลก 30 นาที และ ส่ง SMS ในประเทศได้ 100 ข้อความ ทั้งหมดนี่ราคาเพียง 15 เหรียญ หรือ 390 บาทเท่านั้น โอ้วววว คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ที่สำคัญมันใช้งานง่ายมาก ๆ ใส่เข้าเครื่องไอโฟนปุ๊ปไม่ต้องทำ activate ใด ๆ คือ เล่นเน็ตได้ทันที ยกเว้นแอนดรอยด์บางรุ่นที่ต้องใส่ค่า apn เอาเอง แน่นอนกว่าในคู่มือซิมเค้ามีบอกไว้ครบ ๆ
จัดมา 2 ซิม ของผม+ของลูกชาย เพื่อโทรหากันเวลาพลัดหลง หรือ ถ้าเป็นไอโฟนก็ใช้ Find my iPhone หาตัวกันได้ง่าย ๆ เหมือนจะดูสิ้นเปลือง และ “เยอะ” ในมุมมองคนบางคน แต่คนไม่มีลูกไม่เข้าใจหรอก เวลาหลงกับลูกมันรู้สึกยังไง
ได้ซิมแล้วก็ไปต่อแถวขึ้นแท๊กซี่ไปโรงแรม ค่าแท๊กซี่จากสนามบินไปโรงแรมย่าน Marina ใกล้ ๆ Bugis ประมาณ 18 เหรียญ…คือ รักสบายอะนะ
ที่สนามบินเค้าจะมีรถแท๊กซี่ให้เลือกหลายแบบ แบบธรรมดา แบบแพง และ แบบ Limosine พนักงานก็ชวนขึ้นแบบแพง แต่ผมยืนยันนั่งแบบ สแตนดาร์ท
ที่ผ่านมาเวลามาเรื่องงานก็จะนอนแถว Orchard หรือแถว Suntec คราวนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศพักที่ Carlton Hotel ย่าน Marina ที่ดูแล้วน่าจะเดินทางไปที่ต่าง ๆ ที่ตั้งใจไว้ได้ไม่ไกล จุดเด่นของโรงแรมนี้คือมันอยู่ตรงข้ามห้าง Raffles City หาของกินง่ายแน่นอน ราคากลาง ๆ คืนนึง 6 พันกว่าบาท
ตอนแรกจะไปนอน V Hotel Lavender ที่คนไทยชอบไปนอนกัน แต่ช่วงนี้ราคากระโดดไปคืนละ 5 พันบาท โรงแรมอยู่ไกลออกไปเยอะหน่อย คำนวณนิสัยตัวเองที่ชอบนั่งแท๊กซี่ คิดว่าส่วนต่างคงจะพอกับค่าแท๊กซี่ที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น สรุปนอนแพงหน่อย โรงแรมดีกว่า เดินทางไปที่ต่าง ๆ ใกล้กว่า ที่สำคัญอยู่ตรงข้ามห้าง Raffles City ที่มีทุกอย่างเหมาะสำหรับคนมีครอบครัว พนักงานยกกระเป๋าตรงจุดลงแท๊กซี่มีน้องคนไทยด้วยนะ
แต่หากเน้นแสงสีสวยงาม ให้ไปพักย่านถนนออชาร์ต / Orchard ที่มีห้างสรรพสินค้าเรียงรายสองฟากถนน
โรงแรมสวยงาม พนักงานน่ารักอัธยาศัยดีมาก ๆ ผมปล่อยมุกอะไรไปตอบกลับไปทุกเม็ด ฮาตลอดทริปตั้งแต่เด็กยกกระเป๋า ยันป้าที่ไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้า
อ้อ….ใครจะตามรอยมาพักที่นี่บอกเลย บุฟเฟ่ต์ ไม่ผ่านอย่างแรง อย่าได้เสียเงินจองห้องแบบมีอาหารเช้าเลย
ปลั๊กไฟที่นี่นอกจากเค้าจะมีช่องเสียบสำหรับปลั๊กบ้านเราอำนวยความสะดวกแล้ว ยังมีช่องชาร์จไฟแบบ USB ให้อีก 2 ช่องที่หัวเตียง แหม ๆ ๆ รู้งี้พกแต่สายชาร์จมาก็พอ ^^
โดยรวมผมชอบโรงแรมนี้มาก ๆ แต่ตินิดเดียวตรงการทำความสะอาดไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่นัก มองรวม ๆ สะอาดเรียบร้อย หากเล็งตามซอกเล็ก ๆ ยังเห็นฝุ่นให้รำคาญตา
วิวจากในห้องเห็นห้างเลย ระยะทางเพียงข้ามถนนไปเท่านั้น ส่วนที่เห็นหลังคาแดง ๆ มุมล่างขวาของภาพจะมีร้าน Toast Box เอาไว้ฝากท้องมื้อเช้าด้วย Kaya Bread และ กาแฟสไตล์สิงค์โปรได้
นั่งพักสักแป๊ปก็ออกไปตะลุยตึกของเล่น China Square Central ทันทีเพราะวันอาทิตย์เค้ามีตลาดนัด ผมวางแผนมาเที่ยววันอาทิตย์เป็นวันแรกจะได้ดูตลาดนัดของเล่น พอวันธรรมดาก็ไปลุยสวนสนุกให้หนำใจเพราะคนน้อย
อย่ารอช้าเรียกแท๊กซี่โดยพลัน โดยค่าแท๊กซี่จากโรงแรม Carlton ไปถึงโน่นก็ 6 เหรียญ จอดหน้าตึกเลยจ้า
China Square Central อยู่ย่าน China Town บนถนน South Bridge และ Cross Street
ไปไม่ถูกคลิ๊ก Google Map
เข้าประตูไปปุ๊ปเจอร้านของเล่นมากมาย ซ้ายมือก็จะเจอร้านดังในตำนานอย่าง Vincent Toy ที่เพื่อน ๆ สามารถดูเฟสเค้าได้ตามนี้ https://www.facebook.com/pages/Vincent-Toy-Collection/109055332556342
บรรยากาศด้านในที่จะมีร้านของเล่นมากมาย เปิดทุกวัน แต่สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ เค้ามีตั้งโต๊ะตามทางเดินทำเป็นตลาดนัดของเล่น มีทั้งของมือหนึ่ง มือสอง ของหายากมากมาย
ดังนั้นหากอยากเดินตลาดนัดของเล่น แนะนำควรมาสิงค์โปรช่วงสุดสัปดาห์อย่างผมที่ลงเครื่องวันอาทิตย์ แวะมาดูของเล่นได้พอดี
เตือนว่าร้านค้าที่นี่เค้าปิดเร็วนะ 5 โมงกว่าก็เริ่มทยอยเก็บของกันแล้ว ดังนั้นแนะนำให้รีบมาจะได้มีเวลาค่อย ๆ เดินเลือก เพราะของเยอะจริง ๆ โดยเฉพาะคนเก็บของเล่นสาย Starwars และ Marvels
ของที่นี่เน้นพวกหุ่นฟิกเกอร์สำหรับสะสมเป็นหลัก ไม่ได้เน้นของเล่นเด็กมากนัก ที่เห็นขายกันหลัก ๆ ก็พวก Hottoys, Gundam, One Piece แล้วก็พวกของเล่น Marvel สายอเมริกา มีทั้งรุ่นใหม่ ๆ และ พวกของเก่าหายาก
ส่วนราคาของเล่นญี่ปุ่นจะแพงกว่าบ้านเรานิดนึง แต่บางตัวหาซื้อบ้านเราไม่ได้ก็ต้องซื้อ ของเล่นอเมริกาจะเน้นของหายาก ของรุ่นใหม่ ๆ ไปดูที่ Toy R Us ถูกกว่าบ้านเรา
พวกฟิกเกอร์อย่าง Hottoys หรือ PBM รุ่นแรง ๆ บ้านเราถูกกว่าพอสมควร แต่หากเจอตัวเก่า ๆ ที่บ้านเราหายาก ๆ ที่นี่ราคาดีกว่า
คุณลูกชายได้ปืน Nerf มือสองมากระบอกนึง เปิดราคา 25 เหรียญ ต่อเหลือ 20 เหรียญ (520 บาท) สภาพ 90% อย่างสวย และไปได้ Playmobil เรือดำน้ำมาอีกกล่องนึงราคาแค่ 500 บาทเอง เป็นตัวเก่ามาก ในไทยไม่มีแล้ว งานนี้คุณไวยิ้มแก้มปริเลย
ขุ่นพ่อได้ Be@rBrick My Melody มานอนกอดเล่นด้วย
เสร็จภารกิจซื้อของเล่นวันแรกก็มุ่งหน้ากลับ Raffles City ห้างสวย ๆ ข้างโรงแรมเพื่อหม่ำข้าว โดยมีให้เลือก 2 จุดด้วยกันคือ Food Court ที่ชั้น 3 และ Market Place ชั้นใต้ดิน
เริ่มสำรวจที่ชั้น 3 ที่เป็นเหมือน Food Court ก่อน
แล้วเดินมาต่อชั้นใต้ดินที่จะเป็นแหล่งรวมร้านอาหารมากมาย ร้านใครร้านม้นเดินดูกันตาลาย
ติ่น ไท่ ฟง ก็มีนะจ๊ะ คิวยาวเหยียดเหมือนที่ฮ่องกง และ ไทยเลย ส่วนรสชาติอร่อยเหมือนฮ่องกง
เดินเลือกอยู่นานสุดท้ายมาจบที่อาหารญี่ปุ่นซะงั้น ไอ้เราก็หวังจะได้กินข้าวมันไก่สิงค์โปร O_o!
คืองงกับลูกชายมาก ๆ งงจนลืมถ่ายรูปหน้าร้านเลย 555 ดูแต่เมนูไปละกันนะ
ชุดสเต็คเนื้อ….อร่อยมาก ลูกชายชมไม่ขาดปาก
ส่วนผมไม่ได้กินข้าวมันไก่สิงค์โปร ก็เลยสั่งสเต็คไก่ + ชุดข้าวสวยและซุปมิโซะ มากินแทน แง แง
ร้านนี้จัดว่าอร่อยทีเดียว ราคาปานกลางไม่แพงมากหากเทียบกับคุณภาพ ใครจะตามรอยมาชิมอาหารญี่ปุ่นที่สิงค์โปร ก็ลงชั้นใต้ดินมาได้เลย มีร้านอาหารญี่ปุ่น 2 ร้าน แต่มีร้านเดียวที่ขายซูชิ
เสร็จภาระกิจเดินทางจากไทย แวะซื้อของเล่น และ กินข้าวกันแล้ว ก่อนกลับโรงแรมฝั่งตรงข้ามก็เดินย่อยซะหน่อย ผมเลือกเดินซุปเปอร์มาเก็ตเช็คราคาของกิน ของใช้ต่าง ๆ และ ซื้อน้ำดื่มเข้าไปเพิ่ม ซึ่งซูปเปอร์นี้ก็อยู่ชั้นใต้ดินเช่นเดียวกัน
ของเยอะมาก ๆ มีหลายอย่างบ้านเราไม่มี หรือ หายาก ส่วนราคาก็ปน ๆ กันไป สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะเก็บราคาของเด็กเล็กมาฝาก เผื่อใครวางแผนมาเที่ยวกับลูกเล็กจะได้มีไอเดียว่าอะไร ราคาเท่าไหร่ ต้องแบกมา หรือ มาซื้นที่นี่ได้
ผ้าอ้อม Merries นี่คิดเป็นเงินไทย 721 บาท แต่ที่ไทยแค่ 639 บาท เผลอ ๆ ตอนเซลเหลือ 590 เอง
ส่วนขนมอย่างโยเกิร์ตอัดเม็ดกินดี กินง่าย แถมมีประโยชน์ ราคาถูกกว่าบ้านเรา แวะมาซื้อติดมือให้ลูกกินเล่นเวลางอแงได้เลย ผมขนกลับไปฝากลูกสาวหลายห่อเลย
บันทึกท่องเที่ยวสิงค์โปรตอนแรกก็ขอจบลงตรงนี้ ไปนอนเอาแรงก่อนนะ พรุ่งนี้มีโปรแกรมไปว่ายน้ำที่ Adventure Cove ที่ Resort World Sentosa
ใครกำลังสนุกตามไปอ่านต่อได้ที่
- เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 2 – ว่ายน้ำชมปลากระเบนที่ Adventure Cove ต่อ Vivo City
- เที่ยวสิงคโปร์ฉบับพ่อ-ลูก ตอนที่ 3 เที่ยว Universal Studio แล้วไปซื้อของเล่น Funan IT Mall
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ