ซื้อเครื่องนอกมารีวิวเอาใจแฟน ๆ ไอโฟน กับ iPhone 6s Plus สีทองชมพู หรือ Rose Gold อย่างรวดเร็วไม่ต้องไปอ่านรีวิวที่ก๊อปเวปนอกมาแปะอีกต่อไป
ตอนนี้เครื่อง “หิ้ว” ศูนย์มาบุญครองทยอยเข้ากันมาครบทุกรุ่น ทุกสี ทุกความจุ เอาใจคนกระเป๋าหนักใจร้อนแบบรวดเร็วมาก เกือบจะพร้อม ๆ กับประเทศที่จำหน่ายอย่างเป็นทางการกันเลยทีเดียว
ซึ่งเมื่อวานนี้วันที่ 25 กันยายน 2558 เค้าได้วางจำหน่ายในกลุ่มประเทศแรกทั่วโลกกันไปแล้ว แน่นอนว่าไม่มีไทย ส่วนไทยจะเข้าเมื่อไหร่ยังไม่มีข้อมูล แต่หากเดาจากข้อมูลปีก่อน ๆ เดือนพฤษจิกายนนี้น่าจะเห็นตามศูนย์แล้วในราคาที่คาดว่าแพงกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าห์สหรัฐสูงขึ้น (เงินเราอ่อนลง)
ส่วนราคามาบุญครองก็เริ่มตั้งแต่ 4 หมื่นกว่าไปทะลุ 7 หมื่นบาทสำหรับรุ่นท๊อปอย่าง iPhone 6s Plus 128 กิ๊ก แล้วรออีกสักพักราคาก็จะลงมาตามธรรมชาติ แต่หากใครมีโอกาศเดินทางไป ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือ ญี่ปุ่นสามารถลองเดินหาเครื่องได้เช่นกันในราคาปกติ
ฝากบทความเก่าแต่ยังใช้ได้อยู่เหมือนเดิมสำหรับคนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่น วิธีจอง iPhone 6 / 6 Plus ราคาถูกสำหรับคนมีแผนไปเที่ยว ญี่ปุ่น
สเปค iPhone 6s plus
- ขนาดตัวเครื่อง 158.2 x 77.9 x 7.3 มม.
- น้ำหนัก 192 กรัม
- หนัาจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล
- ซีพียู 64 บิต รหัส A9 แบบ 3 แกน ความเร็วไม่เปิดเผย
- หน่วยประมวลผลร่วมสำหรับจับการเคลื่อนไหวรหัส M9
- แรม 2 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง มีให้เลือก 16, 64 และ 128 กิ๊ก
- กล้องหลัง iSight 12 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมระบบ OIS (Optical Image Stabilization) รองรับการถ่าย VDO 4K
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล รองรับการถ่าย VDO 4K
- แบตเตอรี่ 2750 มิลิแอมป์
- สีที่วางจำหน่ายคือ เทาดำ, ขาว, ทอง และ ทองชมพู
สำหรับคนที่ใช้ iPhone 6 Plus อยู่ก่อนคงมีคำถามสงสัยว่าเจ้า iPhone 6s Plus ที่หน้าตาเหมือนเดิมนั้น มีอะไรแตกต่างบ้าง และ มันต่างมากพอที่จะให้ควักกระเป๋าซื้อเครื่องใหม่หรือเปล่า ผมดึงเอาข้อแตกต่างหลัก ๆ มาให้พิจรณาดังนี้
มีอะไรต่างจาก iPhone 6 Plus เดิมบ้าง
- ขนาตัวเครื่อง ใหญ่กว่าเดิมรอบด้าน .01 มม. ซึ่งใช้เคสเดิมได้ไม่มีปัญหา (เกือบทุกยี่ห้อ)
- น้ำหนักมากกว่าเดิม 20 กรัม
- หน้าจอมาพร้อมระบบ Force Touch กดหนัก กดเบา หรือ รูดผ่าน ๆ จะเรียกตอบสนองการทำงานที่ต่างกัน
- ซีพียูเร็วขึ้นด้วยระบบประมวลผลแบบ 3 แกน พร้อชิพกราฟฟิกใหม่
- แรมมากขึ้นจาก 1 กิ๊กเป็น 2 กิ๊ก
- กล้องหลังจัดหนัก 12 ล้านพิกเซล จากเดิม 8 ล้านพิกเซล แถมฟีเจอรถ่ายภาพแบบ Live Photo แต่ก็กินเมมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- กล้องหน้าใจดีให้มา 5 ล้านพิกเซล ต่างกับของเดิมที่ 1.2 ล้านพิกเซล
- Touch ID บนปุ่มโฮมรุ่นใหม่ตอบสนองเร็วกว่าเดิม
- แบตเตอรี่เล็กลงกว่าเดิมจาก 2915 เหลือ 2750 มิลิแอมป์
ตัวกล่องทรงเดิม แต่ใหญ่ และ หนากว่าเดิม มาด้วยพื้นสีขาว พร้อมปลากัดในตำนานบนหน้ากล่อง โดยกล่องของแต่ละสีหน้ากล่องจะเป็นรูปตัวเครื่องตามสีนั้น ๆ และ ภาพปลากัดก็จะเปลี่ยนไปตามแต่ละรุ่นด้วย
ส่วนรุ่นที่เรากำลังเสพอยู่นี้เป็น สีชพู ก็จะได้ปลากัดตามนี้….ปลาไทย ถ่ายสไตล์ศิลปินไทย สวยเว่อร์ รักปลากัดขึ้นมาทีเดียว
ด้านหลังกล่องมีรายละเอียดแค่พอสังเขป ไม่เน้นสเปคตามสไตล์
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง
- สายดาต้า
- หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- หูฟังแบบ EarPod
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือขนาดย่อ
- สติ๊กเกอร์แอปเปิ้ล
คู่มือขนาดย่อ พร้อมสติ๊กเกอร์
หูฟัง EarPod มาตรฐานของไอโฟนที่สาวกคุ้นเคย….ใช้มาหลายปี และ ใช้กับทุกรุ่นที่แถมหูฟัง
สายดาต้า/ชาร์จ แบบ Lightning ที่เล่นเอาหลายคนปวดหัวกับการเข้ากันได้ของสายที่ขายในท้องตลาด และ หลาย ๆ ครั้งเองที่ผมเจอปัญหาว่าใช้สายชาร์จแท้ในกล่อง (เครื่องศูนย์ไทย) แต่วันดีคืนดีไอโฟน 6 ก็บอกว่าสายชาร์จไม่รองรับ ไฟไม่เข้าซะงั้น T T
ดีที่ปิด-เปิดเครื่องทีนึงก็หาย
หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้านจ่ายไฟที่ 2 แอมป์เหมือนเดิม ซึ่งจริง ๆ แล้วอุปกรณ์ในกล่องของไอโฟนไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรมาก ทุกรุ่นจะเหมือนกันหมด มองในแง่ดีคือใช้งานร่วมก้นได้ คนใช้รุ่นเก่าก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองตกรุ่นแต่อย่างใด
อีกมุมนึงก็ดูว่าแอปเปิ้ลคงจะประหยัดต้นทุนในการออกแบบสายใหม่ไปไม่น้อย เรียกว่าออกแบบทีเดียวกินยาวหลายปี ไอเดียนี้เอาไปใช้พัฒนาธุรกิจตัวเองคงจะเกิดประโยชน์ไม่น้อย
มาถึงพระเอกของงาน….ตัวเครื่อง iPhone 6s Plus สี Rose Gold หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมระบบ 3D Touch ที่จะทำให้ประสบการณ์การแตะหน้าจอของเราเปลี่ยนไป เพราะถ้ากดแรงหน่อยจะเรียกเมนูเพิ่ม (ตามแต่ละโปรแกรมจะตั้งค่ามา) กดเบาลงก็จะเป็นการเรียกใช้ฟีเจอร์อื่น หรือ แตะเบา ๆ ก็เป็นการแตะเหมือนที่เราใช้งานในปัจจุบัน
หน้าจอ IPS LED สวยงาม ให้สีเป็นธรรมชาติตามสไตล์ Apple ด้วยการแสดงผลแบบ FullHD 1920 x 1080 ที่ความหนาแน่น 401 PPI (Pixel per Inch) ซึ่งส่วนตัวบอกเลยว่าชอบจอ IPS มากกว่า Super AMOLED เพราะให้สีเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งเราจะเห็นจอ IPS ได้จาก iPhone, LG และ HTC เป็นต้น
ปุ่มโฮม Touch ID gen2 ตัวล่าสุดที่เพิ่มประสิทธิภาพการอ่านรวดเร็วกว่าเดิม (เค้าบอกมา) วงแหวนรอบปุ่มเป็นสี Rose Gold เงา เห็นแล้วรู้เลยว่านี่รุ่นใหม่นะเฟ้ย
ด้านหลังโชว์สีทองชมพูใหม่ล่าสุด สวยงามตามภาพ ด้านบนเป็นกล้องตัวใหม่ล่าสุด iSight Camera ที่เพิ่มความละเอียดจาก 8 ล้านเป็น 12 ล้านพิกเซลแล้วนะ เค้ามาพร้อมรูรับแสง f/2.2 และระบบกันภาพสั่นไหว OIS หรือ Optical Image Stabilization โดยใช้ชุดเลนส์ป้องกันการสั่นไหว ดังที่ใช้ใน iPhone 6 Plus รุ่นก่อน ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 6s ตัวเล็กอดใช้ OIS เหมือนเดิมเช่นกัน
สเปคกล้อง 12 ล้านดูเหมือนจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ในตลาดสมาร์ทโฟนนั้น รุ่นเทพ ๆ ราคาสองหมื่นกว่าเค้าก็ให้กล้องมา 16 ล้านพิกเซลเป็นมาตรฐานกันอยู่แล้ว แถมบางเจ้าเค้าจัดมาให้ที่ 20 ล้านกันเลยทีเดียว
แต่….เดี๋ยวนะ อย่าลืมว่าไอโฟนเค้ากล้องเทพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร 12 ล้านอาจสวยกว่า 16 ล้านก็ได้…..เดี๋ยวจัดรีวิวเปรียบเทียบกับตัวจี๊ดในตลาดให้ชมให้หายคาใจ
ด้านข้างตัวเครื่องเหมือนเดิมทุกประการ ทั้งซ้าย และ ขวา คงไม่ต้องบรรยายมาก คือด้านนึงเป็นปุ่ม Power กับช่องใส่ซิม ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง กับ ปุ่มปิดเสียง (เปิดสั่น)
ขอบโลหะโค้งรอบตัวเครื่องทรงนี้พิสูจน์มาแล้วจาก iPhone 6 Plus รุ่นปีก่อน ว่าสวยหรูที่สุดในโลก แต่แลกมากับความ “ลื่นมาก” หากไม่ใส่เคสจะหลุดมือไปโหม่งโลกแบบไม่รู้ตัว
ด้านบน และ ด้านล่างของตัวเครื่องก็ไม่มีอะไรแตกต่างจาก iPhone 6 Plus รุ่นก่อน
นอกจากสีทองชมพู หรือ Rose Gold ที่จะบ่งบอกความเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดได้อย่างชัดเจนแล้ว ด้านหลังยังสังเกตุชื่อรุ่น “s” ได้อย่างชัดเจน
ตัวนี้เมื่อหยิบขึ้นมารีวิวครั้งแรกบอกเลยว่าความหนักที่เพิ่มมากขึ้นเพียง 20 กรัมนั้น “รู้สึกหนัก” กว่ารุ่นเก่าทันที่ที่จับเครื่อง ซึ่งมันแลกมาด้วยระบบหน้าจอใหม่ล่าสุดอย่าง 3D Touch
สิ่งใหม่ล่าสุดที่ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มีนั้นคือ ซึ่งเป็นผลมาจากหน้าจอ 3D Touch ซึ่งนอกจากจะทำให้ตัวเครื่องหนาขึ้นด้านละ .01 มม. และ หนักขึ้น 20 กรัมแล้ว ยังไปเบียดพื้นที่ของแบตเตอรี่ทำให้มีขนาดเล็กลงจาก 2915 มิลิแอมป์ เหลือ 2750 มิลิแอมป์ อีกด้วย ซึ่งตรงนี้เค้าเคลมว่าด้วยระบบการประมวลผลแบบใหม่ ทำให้แม้ว่าแบตฯ จะเล็กลงแต่การใช้งานยังยาวนานเช่นเดิม
นอกจากนั้นเค้ายังบอกว่ามีการปรับโครงสร้างของบอดี้ ปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้น จะไม่เกิดปัญหา bend gate หรือ เครื่องงอเวลาใส่กระเป๋าหลังแล้วนั่งทับอีกต่อไป….หรือ อย่างน้อยก็คงน้อยลงเยอะ
iOS9 มาพร้อมกับรหัสปลดล็อคเครื่องแบบ 6 หลัก เพิ่มความมั่นใจ ใครขี้เกียจกดเยอะ ๆ ไปตั้งให้ปลดล็อคด้วย Touch ID กันได้
สำหรับเคสต่าง ๆ ที่มีอยู่น่าจะใส่ด้วยกันได้ ยกเว้นเคสที่หุ้มรอบตัว หรือ เคสที่ปกป้องมิดชิด ตัวอย่างเคสซิลิโคนธรรมดาของผมด้านล่าง จะเห็นได้ว่าปุ่มต่าง ๆ จะไม่ตรงเท่าไหร่นักเพราะเคสมันโดนเครื่องที่หนากว่าเดิมดันออกมา โดยรวมใช้งานได้ไม่มีปัญหา….แต่ซื้อใหม่เหอะ
ความรู้สึกแรก
ตอนที่ดูงานเปิดตัว ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย เพราะข่าวหลุดในยุคไม่มีปู่จ๊อบส์นั้นทั้งแม่น ทั้งเร็ว และ รูปหลุดชัดมาก เห็นปลากัดตั้งแต่งานเปิดตัวยังไม่เริ่ม ยิ่งรู้ว่าหน้าตาเหมือนเดิม เติม “S” ต่อท้ายตามสไตล์ ยิ่งทำให้เฉย พอดูฟีเจอร์ iOS9 ที่ดึงเอาจุดเด่นของแอนดรอยด์มาใช้ โดยเฉพาะการแบ่งการใช้งาน 2 แอพฯ พร้อมกันเหมือนที่ซัมซุงใช้มาหลายปีนั้น ยิ่งแล้วใหญ่ กล้องชาวบ้านเค้าไปถึงไหนกันแล้ว เฮียคุกยังเจียดมาให้แค่ 12 ล้าน แต่ยังดีที่กล้องหน้าตามชาวบ้านเค้าทันที่ 5 ล้านพิกเซล
ส่วน 3D Touch น่าตื่นเต้นดี เป็นอะไรที่เรียก “ของใหม่” ได้อย่างเต็มปาก แต่การใช้งานจริงจะดีจริงหรือไม่คงต้องรอดูกันยาว ๆ เพราะตอนนี้แอพฯ ที่ใช้ได้มีเพียงไม่กี่แอพฯ โดยปัญหาคือเราไม่รู้ว่าแอพฯ ไหนรองรับบ้าง จึงต้องกดแรง ๆ ลองดูเกือบทุกแอพฯ ทำให้ลึก ๆ รู้สึกกังวลกับหน้าจอพอสมควร O_o%
Touch ID รุ่นใหม่ประทับใจนะ เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจริง ๆ ของเดิมก็เร็วอยู่แล้ว แต่มาเจอ Touch ID ของ Note 5 ที่เร็วกว่าเท่าตัวเลยทำให้ iPhone 6 Plus ตัวเก่าดูช้าลงในทันที ตอนนี้มาเจอรุ่นล่าอย่าง iPhone 6s Plus งานนี้ “ฟิลกู๊ด” ทันทีครับ
บ่นมาเยอะแล้ว มาชมกันบ้างเนอะ
ตัวเครื่องโดยรวม สวยงาม หรูหรา งานประกอบแน่นหนาไม่เสียชื่อ Apple ที่วางสินค้าอยู่ในระดับสูงสุดของตลาด การออกแบบที่แม้จะเหมือนปีก่อน แต่ดูแล้วไม่เก่า ทั้งยังทรงพลังเช่นเคย บอกเลยว่าจนถึงวันนี้ยังไม่เจอสมาร์ทโฟนเครื่องไหนที่สวยกว่าไอโฟนได้เลย (ความเห็นส่วนตัว) ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบของ Apple นั้นเหนือการเวลาจริง ๆ ^^
แถมปีนี้มาพร้อมสีใหม่ที่คาดว่าจะสร้างกระแส Rose Gold fever อีกเช่นเคย เราคงจะเห็นบรรดาอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกสี Rose Gold ตามกันออกมาตลอดปีแน่นอน
จะซื้อ iPhone 6s Plus ดีมั๊ย
จากประสบการณ์ใช้ไอโฟนมาตั้งแต่รุ่นแรก บอกเลยว่าไอโฟนไม่เคยทำให้ผิดหวัง ใครใช้ iPhone 5s คงถึงเวลาเปลี่ยนพอดี ดังนั้นคำถามคือ ควรจะซื้อตอนไหนมากกว่า
คนรักไอโฟนรออะไร…ซื้อได้เลย ^^
เฮ้ยยยยย ใจเย็น! ตอนนี้เครื่องนอกแพงแถมไม่มีประกัน ไม่มีโปรฯ ใด ๆ ทั้งสิ้น ใครรอได้รอเครื่องศูนย์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่น่าจะมีโปรฯ แรง ๆ มากระชากใจเรา นอกเสียจากว่าคุณจะซื้อเพราะรักจริง ซื้อเพื่อความสะใจ ซื้อก่อนเท่ห์ก่อน หรือ ซื้อเพื่อโปรโมทตัวเอง (เหมือนผม) ก็จัดไปเลยอย่าให้เสียเวลา 555
ใครที่คาใจเรื่องกล้องอ่าน รีวิวกล้อง iPhone 6s Plus พร้อมปะทะ Galaxy Note 5
ปล. คราวก่อนด่าซังซุง โดนถล่มว่าเป็นติ่งไอโฟน งานนี้ติไอโฟนจะโดนด่าเป็นสาวกซัมซุงป่าวหว่า….บอกเลยนะ ผมหน่ะเจ้าพ่อ BlackBerry ในตำนานต่างหาก 555
ปิดท้ายกันด้วยภาพสวย ๆ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ