วันนี้เอาประสบการณ์การบินชั้น Business Class สายการบินอิมิเรตส์ Air Bus A380 ลำยักษ์มากฝาก บินบ่อยมากแต่เพิ่งรีวิวครั้งแรก..หรูหรา อลังการ อาหารอร่อย บริการดีเยี่ยม
สายการบินอิมิเรตส์มีเที่ยวบินไปฮ่องกงวันละเที่ยว เครื่องออกเวลา 13:50 น. ไปถึงฮ่องกงก็ประมาณ 5 โมงกว่า ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้วนั่งรถถึงโรงแรมย่านจิมซาโจ่ยส่วนมากก็ประมาณทุ่มนึง คือ…เช็คอินโรงแรมแล้วกินข้าวเย็นพอดีเลย
ในมุมคนเที่ยวแบบครอบครัวอย่างผม เวลาอิมิเรตส์ดีมาก ๆ เพราะเวลาบินเป็นเวลาที่ลูกนอนกลางวันพอดี ขึ้นเครื่องประมาณบ่ายโมงนิด ๆ แล้วป้อนนมหลับไปตื่นนึงก็ถึงฮ่องกง…เป๊ะมาก
แนวนี้อาจไม่ค่อยถูกใจคนชอบไฟลท์เช้าเพราะจะคิดว่าเสียเวลาไปวันนึง เปลืองค่าโรงแรมแบบไม่ได้เที่ยว แต่บอกเลยว่าขากลับเทพมาก ๆ (แต่แอบเหนื่อย) คือขากลับเครื่องออกเวลา 21:50 น. บินถึงไทยจะเป็นเวลาบ้านเรา 23:45 น. เรียกว่าวันกลับมีเวลาให้เที่ยวจนหยดสุดท้าย ผมเคยกินข้าวเย็นในเมืองแล้วค่อยไปสนามบินมาแล้ว….สบาย ๆ
เอาเป็นว่าตามมาชมความเทพระดับโลก แต่ราคาไม่เว่อร์กันเลย
มาสำรวจ Business Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิก่อนเลย
ตัวเล้าจน์ตั้งอยู่แถวเกต E ซึ่งส่วนมากเราจะต้อง boarding ที่ฝั่ง E อยู่แล้ว เดินมาถึงทางแยก (รู้นะอันไหน) เลี้ยวซ้ายไปทาง Gate E แล้วเดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นนึงก็๋จะเห็นป้ายบอกทางไป Lounge แล้ว
เดินเข้าไปพนักงานก็จะตรวจตั๋วตามธณรมเนียม…เข้าแล้วแล้วต้องร้องโอ้โห กว้างขวาง สบายกว่าหลาย ๆ สายการบิน เรื่องความหรูหราไม่ต้องพูดถึง แค่นาฬิกาติดผนังก็ยี่ห้อ Rolex แล้ว
เข้ามาแล้วถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นห้องน้ำ พร้อมห้องอาบน้ำให้
มุมนี้มีชา กาแฟ และ เครื่องดื่มต่าง ๆ พร้อมขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้คอยบริการ แถมมีมุมนั่งพักสบาย ๆ สำหรับคนชอบความเงียบ
แต่หากเลี้ยวขวา เดินไปสุดทางจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่มีไลน์บุฟเฟ่ต์ “อาหาร” ไว้คอยบริการ ที่นั่งจะมี 2 แบบคือ โต๊ะทานอาหารแบบมาตรฐาน และ โซฟาเตี้ยให้เลือกนั่งตามสบาย
ระหว่างทางเดินไปหม่ำ ๆ ก็จะมีคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน พร้อมเครื่องปริ๊นท์ และ แฟกซ์ด้วย ใครต้องปิดงานด่วน ๆ ก่อนเดินทาง แวะมาใช้บริการได้เลย
ส่วนใครปิดงานมาเรียบร้อย มุ่งหน้าไปไลน์อาหารโลด อย่าลืมนะว่าไฟลท์เกือบบ่ายสอง เที่ยงเราก็ต้องเช็คอินเข้ามาแล้ว ดังนั้นเป็นเวลากินพอดี…ไม่ต้องไปกินตามร้านหรอกเชื่อผมเหอะ
หลายสายการบินเค้ามีอาหารให้บริการใน Business Lounge แต่เท่าที่ไปใช้บริการมาส่วนมากออกแนวค๊อคเทล คือ เสริฟขนาดพอดีคำ…ให้นึกถึงอาหารงานแต่งงานเข้าไว้
ผลก็คือกินไม่ค่อยอิ่ม และ คนส่วนมากก็จะคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่รองท้อง เดี๋ยวไปกินบนเครื่อง” จากนั้นก็จะพบว่าบนเครื่องไม่อร่อย 555
ในทางกลับกับ Emirates Business Lounge เค้าจัดมาแบบกะให้อิ่มกันไปเลย เพราะอาหารที่จัดประหนึ่งบุฟเฟ่ต์โรงแรม
เครื่องดื่มหลากหลายมีไว้คอยบริการ อันไหนทำไม่เป็นไม่แน่ใจถามพนักงานได้เลย มีพนักงานน่ารัก ๆ คอยให้บริการ
โมเอ่ต์ ไวน์ขาว ไวน์แดง…แม้กระทั้ง Bombay Sapphire ก็มี
สำหรับเครื่องดื่มไมมีแอลกอฮอล์อยู่ใต้เคาเตอร์ไวน์ กินอะไรหยิบเลย
หากใครคิดจะหยิบเกินไปกินบนเครื่อง นี่บอกเลยว่าไม่ต้องหิ้วให้หนัก บนเครื่องเค้าจัดหนักเช่นกัน
นอกจากอาหารร้อนแล้ว อาหารเย็ฯ พวกสลัดต่าง ๆ และ ขนมหวานก็มีบริการ
ส่องจนรอบแล้วก็ได้เวลาพิสูจน์ความอร่อยกันสัก 2 เมนู
สลัดเป็ดเสริฟพร้อมมะม่วงสุก อาหารแนวฝรั่งเศสที่ทำออกมาได้อร่อยมาก ๆ โดยเฉพาะเนื้อเป็ดที่นุ่มหอมกำลังดี มะม่วงสุกหวาน ๆ ตามสไตล์บ้านเรา เข้ากันได้เป็นอย่างดี…เมนูนี้บอกได้เลยว่าไปกินตามร้านอาหารโดนหลายร้อย แล้วก็ไม่รู้จะอร่อยอย่างนี้หรือเปล่า
กุ้งคอกเทลราดซอสซีฟู๊ต….พริกสด ๆ บีบมะนาวลงไปหน่อยรับรองเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี
พอสมควรแก่เวลาก็ออกเดินไปขึ้นเครื่อง จากเล้าจน์เดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ขึ้นเครื่อง แน่นอนว่าเราขึ้นช่องสำหรับ Business Class มุ่งหน้าไปชั้น 2 ของเครื่องบิน (เครื่องบินมี 2 ชั้น)
ภายในเครื่องบิน AirBus A380 ที่ถือเป็นเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก (ก่อนจะมี Dreamliner) ด้านในกว้างขวางสะดวกสบาย ไม่เพียงเฉพาะชั้นธุรกิจเท่านั้น ชั้นธรรมดาก็กว้างกว่าลำอื่น ๆ
ชุดเก้าอี้ Business Class ของ Emirates จัดมาเต็มที่ชนิดไม่กลัวเปลืองเนื้อที่กันเลยทีเดียว ทั้งเก้าอี้ตัวยักษ์ เคาเตอร์ส่วนตัวเอาไว้วางของ มินิบาร์เครื่องดื่มเรียงให้พร้อมสรรพ
แม้จะเป็นไฟลท์สั้น ๆ แค่สองชั่วโมงกว่า แต่การได้เก้าอี้ปรับนอนแบบนี้มันเป็นความสบายอย่างที่สุด ลืมการลงเครื่องแล้วเมื่อยไปทั้งตัวเป็นลงเครื่องแล้วสดชื่นพร้อมลุยได้เลย
นอกจากเก้าอี้ตัวใหญ่ เอนนอนได้เกือบแบนราบแล้ว ช่องวางขายังยาวเหลือเฟือ ขนาดผมสูง 180 ซม. ปรับนอนสุด ปลายขายังไม่ติดเลย
ในช่องวางขามีช่องเก็บรองเท้า ใครชอบถอดรองเท้าก็จัดการเก็บใส่ช่องให้เรียบร้อย
ทีวีจอใหญ่ระบบสัมผัส มีภาพยนต์ให้เลือกมากมาย เท่าที่ลองประมาณคร่าว ๆ น่าจะมีหนังทุกชาติรวมกันกว่า 60 เรื่อง หนังเกาหลีซับอังกฤษก็มี สนุกไปอีกแบบ
ช่วงต้นปีผมเจอหนังเรื่อง Paddington อยู่บนเครื่องตั้งแต่หนังยังไม่เข้าไทยด้วยซ้ำ
ชุดหูฟังแบบครอบหู แข็งแรงไม่ง่องแง๊ก ครอบใส่สบายหู ตัดเสียงรบกวนสร้างพื้นที่ส่วนตัวได้เป็นอย่างดี
อาหารเค้ามีให้เลือก 3 อย่าง แต่ละวันขึ้นอยู่กับการจัด สำหรับวันนี้ผมสั่ง สตูว์เนื้อกับมันบด ถามว่าอร่อยมั๊ย บอกเลยว่าหากเปรียบมาตรฐานอาหารบนเครื่องบิน ของเค้าอร่อยมากไม่เหมือนอาหารอุ่นเสริฟบนเครื่อง รสชาติประมาณ Sizzler กันเลยทีเดียว ซึ่งหาได้ยากกับอาหารบนเครื่องบิน
จำได้ว่าตอนนั่งไฟลท์ยาวไปอเมริกาเค้าจะมีเชฟประจำเครื่องเลย สเต็คสามารถสั่งความสุกได้เหมือนร้านอาหารบนพื้นดิน
ใครไม่ชอบนั่งดูหนัง สามารถเดินไปนั่งคุยเล่นที่เล้าจน์บนเครื่องก็ได้ เค้ามีพนักงานคอยบริการ ใครบินคนเดียวเค้าก็จะชวนคุยไปเรื่อย ๆ แก้เหงาให้เรา
จะดื่มอะไรเค้าผสมให้ได้หมดทั้ง Singapore Sling, MaiThai, Sex on the Beach (ห้ามสั่ง Sex on the Plane เชียว)
นอกจากเครื่องดื่มที่คอยให้บริการตลอดการเดินทาง อาหารว่างก็มีเสริฟให้เช่นกัน ใครไม่หิวก็บอกพนักงานไม่ต้องเสริฟอาหาร แล้วเดินมานั่งทานของว่างเล่นที่บริเวณนี้ได้
โดยรวมแล้วประสบการณ์การเดินทางชั้นธุรกิจสายการบินอิมิเรตส์ เส้นทาง Bangkok – Hong Kong เพียง 2 ชั่วโมงกว่าของผมและครอบครัวนั้น “เต็มอิ่ม” มาก ๆ ได้ทั้งการบริการที่ดี วัสดุชั้นยอด อาหารชั้นเลิศ สะดวกสบายคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่เสียไปเลย ยิ่งช่วงโปรโมชั่นราคาไม่ถึง 2 หมื่นต่อคน O_o!
ส่วนขากลับจากฮ่องกงก็ได้แวะใช้บริการ Business Lounge เช่นเคย
ที่สนามบินฮ่องกงนี่ใหญ่กว่าเล้าจน์ที่ไทยประมาณ 4 เท่า คือมันมหึมามาก ๆ อาหาร เครื่องดื่มจัดเต็ม พนักงานน่ารักทุกคนเช่นเดียวกับที่เมืองไทย ปริมาณอาหารที่มีบริการเท่ากันกับที่เมืองไทยด้วย ดังนั้นเอารูปไปดูแล้วกัน ไม่บรรยายละ เดี๋ยวจะหาว่าเขียนมากไป 555 ^^
ขอให้เพื่อน ๆ มีความสุขในการท่องเที่ยว สนุกกับชีวิต LifeStyle IT
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ