obi ชื่อที่หลายคนไม่คุ้นเคย (ผมด้วย) แต่เป็นมือถือแอนดรอยด์ที่น่าสนใจอีกตัวในราคา 7,290 บาท กล้องหน้า 5 ล้าน กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล มาดูหน้าตา และ สเปคกัน
คืองานนี้อยู่ ๆ ได้รับการติดต่อจาก PR ที่ดูแลแบรนด์นี้ฝากให้ช่วยรีวิวพร้อมส่งเครื่องมาให้ ซีน่อนอาร์ตก็รับมาแบบมึน ๆ เพราะสารภาพเลยว่าไม่รู้จัก obi
เห็นช่วงนี้ยุ่ง ๆ ไม่ค่อยได้ออกรีวิวอะไรนัก นึกในใจว่า “เอาว่ะ” รีวิวก็ได้ เลยแกะกล่องมาฝากเพื่อน ๆ ให้หายคิดถึงกันก่อนแล้วกัน ว่าแล้วก็ลุยเลยนะ
เรามาทำความรู้จักกับ obi กันก่อน เห็นชื่อแปลก ๆ กล่องหน้าตาแบบนี้ บอกเลยไม่ใช่แบรนด์จีนนะจ๊ะ เป็นแบรนด์สัญาชาติอเมริกาโดยเป็นการรวมตัวกันอาวุโสสายไอทีไม่ว่าจะเป็น John Sculley อดึต CEO ของ Apple และ Pepsi, Robert Brunner ผู้ก่อตั้ง Ammunition Group สตูดิโอชั้นนำในอเมริกา, Neeraj Chauhan ผู้ก่อตั้ง eSys บริษัทจัดจำหน่ายยักษ์ใหญ่, Satjiv Chahil อดีต CMO ของ Apple และ Palm และ Simon White อดีต CFO, COO ของบริษัทเฮจด์ฟันยักษ์ใหญ่อย่าง GLG
ดูผู้ร่วมก่อตั้งแล้วพอจะนึกภาพออกว่าทีมบริหารเค้าแน่นเปรี๊ย ทั้งยังเป็นคนสาย Silicon Valley โดยตรง เลยไม่น่าแปลกใจว่า obi เป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง
ทั่วโลกจับตามองก็ปล่อยเค้าไปก่อน เรามาชมรีวิวแกะกล่องแบบบ้าน ๆ ของ ซีน่อนอาร์ต กันก่อนว่าไอ้เจ้าแบรนด์อเมริกันนี้จะโดนใจขนาดไหน
สเปคอย่างเป็นทางการของ obi Worldphone SF1
- หน้าจอ 5 นิ้ว Full HD 1080 x 1920
- กระจกกันรอย Gorilla Glass 4
- ความคมชัดของจอ 443 ppi
- ซีพียู Qualcomm Snapdragon 615 OctaCore ความเร็ว 1.5 กิ๊ก
- GPU Adreno 405 แบบ 64 บิต
- แรม 2 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 16 กิ๊ก
- เพิ่มเมมได้สูงสุด 64 กิ๊ก
- กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
- รองรับ 2 ซิม ขนาด Micro SIM และ Nano SIM
- แบตเตอรี่ 3,000 มิลิแอมป์
- ระบบเสียง Dolby Audio Surround
- ตัวเครื่องเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือด้วยระบบ oleophobic
ตัวกล่องภายนอกมาแนวไอพ๊อดทัชที่เป็นพลาสติคใสโชว์ตัวเครื่องแบบ 360 องศา ด้านล่างมีสติ๊กเกอร์สีขาวคาดโดยรอบ พร้อมสกรีนโลโก้ obi Worldphone SF1 เสร็จสรรพ
แถบสติ๊กเกอร์ด้านล่างลอกออกมาแล้วจะเปิดกล่องใสได้ตามรูปด้านบน ซึ่งเพิ่งถึงบางอ้อตอนหลังว่าเอาคัตเตอร์กรีดขอบด้านนึงน่าจะง่ายกว่า ไม่ต้องลอกสติ๊กเกอร์ให้เลอะเทอะ
เปิดกล่องออกมาด้านล่างจะเป็นที่เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเรียบร้อยดี….เรื่องแพคเกจจิ้งของ obi SF1 นี่ขอชมเลยนะ แหวกแนวใช้กล่องใส่สร้างความแตกต่าง วัสดุของกล่อง และ การจัดวางเรียบร้อยระดับเครื่องละ 2 หมื่นบางแบรนด์ยังอาย
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง obi Worldphone SF1
- สายดาต้า/สายชาร์จ
- หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- เข็มจิ้มถาดซิม
- คู่มือฉบับย่อ
สาย USB ของ obi มาด้วยรูปแบบแปลกตา สัมผัสปุ๊ปแว๊บแรกเลยคือ เออ ไม่เหมือนใครดี แว๊บที่สองคือ คุณภาพสายดีมาก เส้นหนาวัสดุให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมต่างกับสาย USB ที่แถมมาในกล่องพวกมือถือไม่ถึงหมื่นหลาย ๆ ยี่ห้อ
ส่วนหัว USB หน้าตาไม่เหมือนใครนั้น ต้องดูกันยาว ๆ ว่าจะโอเคหรือเปล่าเวลาใช้งานจริง
หัว USB ทรงแหวกแนวไม่ซ้ำใคร….บอกเลยแบรนด์นี้มีความพยายามในการออกแบบมาก ๆ ตั้งแต่ตัวกล่อง ยันตัวสาย
หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้านที่จ่ายไฟแรง ๆ 2 แอมป์ ชาร์จเต็มเร็วดีนักแล
สังเกตุว่าอุปกรณ์ที่ได้มานั้นเป็นแบบ 3 ขาเหลี่ยม แต่บอกก่อนว่าเครื่องผมเป็นเครื่องทดสอบ ไม่ใช่เครื่องที่จะวางขายจริง เชื่อว่าตอนขายจริงน่าจะได้หัวปลั๊กสำหรับประเทศไทย
เข็มจิ้มซิม อุปกรณ์ที่ค่อย ๆ กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปแล้ว และขนาดเข็มจิ้มซิมก็เป็นขนาดทั่วไป สามารถใช้ทดแทนกับยี่ห้ออื่นได้สบายมาก
คู่มือฉบับย่อ พอให้เรารู้จักตัวเครื่อง obi SF1 ได้พอสังเขป มีรายละเอียดพร้อมภาพประกอบดูง่าย แต่ตัวหนังสือเหมาะสำหรับวัยรุ่นนะ ส่วนรุ่นผมต้องเพ่งกันเลยทีเดียว….ไหนใครต้องเพ่งยกมือขึ้น เช็คแก่กันหน่อย
ส่วนน้อง ๆ งดเม้นต์ซ้ำเติมคนแก่นะ O_o*
แต่น แตน แต๊นนนนนนน………………..
ตัวเครื่อง obi SF1 มือถือตัวท๊อปของแบรนด์ obi ตัวแรกของโลกอยู่ในมือ ซีน่อนอาร์ต เรียบร้อยแล้ว ตัวเครื่องความรู้สึกแรกเลยคือวัสดุ งานประกอบแน่น ต่างจากมือถือราคาไม่ถึงหมื่นแบรนด์จีนทั่วไป แต่แอบหนักเล็ก ๆ ซึ่งอาจเป็นเพราะวัสดุคุณภาพสูงที่ใช้ประกอบตัวเครื่องก็ได้
หน้าจอ 5 นิ้ว Full HD คมกริบไม่ผิดหวัง ยิ่งเป็นกระจก Gorilla Glass 4 ยิ่งแข็งแรงหายห่วงกันเลย
ด้านข้างของตัวเครื่องเป็นขอบมนไม่มีสันเครื่องเลยแม้แต่นิดเดียวทำให้การถือจับสะดวกสบาย ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่ม ปรับเพิ่ม-ลดเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power ซึ่งการเอามาไว้ข้างเดียวกับปุ่มปรับเสียงผมว่าดีนะ เวลากด Power แล้วนิ้วมืออีกข้างนึงจะได้ไม่เผลอไปกดโดนปุ่มปรับเสียง
เมื่อจิ้มถาดซิมออกมาจะเห็นถาดคู่ โดยด้านในเป็นซิม 1 และ ด้านนอกติดกับขอบเครื่องเป็น ซิม 2 ซึ่งช่องซิม 2 นี้ถ้าเราไม่ใส่ซิมสามารถใช่เมมโมรี่การ์ดได้ความจุสูงสุด 64 กิ๊ก
ด้านหลังแบน ๆ เรียนบ ๆ สีดำพร้อมโลโก้ obi อยู่ตรงมุม แต่ที่สำคัญบอดี้ของ obi SF1 ผ่านกระบวนการเคลือบป้องกันรอยนิ้วมืออีกด้วย ฟิลลิ่งในการถือจับดีมาก แถมไม่ต้องคอยเอามือถือมาเช็ดตลอดให้เสียบุคลิคคนถืออีกต่างหาก
ส่วนขอบรอบด้านหลังที่เหมือนฝาหลังนั้น ถอดไม่ได้นะจ๊ะ ติดตาย ถอดแบตไม่ได้ (อีกแล้ว) ซึ่งเดี๋ยวนี้มือถือนิยมทำแบบนี้กันเยอะ เพราะจะทำให้ตัวเครื่องเบากว่า และ บางได้มากกว่า
กล้องหลัง 13 พิกเซลด้วยชุดเซ็นเซอร์ Sony Exmor RS พร้อมแฟรช LED 1 เม็ด รองรับการถ่ายวิดิโอแบบ 1080p นอกจากนั้นตัวเลนส์ยังมาพร้อมกับรูรับแสง f/2.0 ช่วยการถ่ายรูปสวยงาม
นอกจากชุดเซ็นเซอร์เทพของ Sony แล้ว ระบบประมวลภาพของ obi SF1 ยังมาพร้อม UbiFocus ที่มีลูกเล่น re-focus รวมไปถึง Optical Zoom ซึ่งเราจะมาลองกันในรีวิวภาคกล้องถ่ายรูปในอนาคต แต่จากเอกสารโฆษณาที่ส่งให้เค้าบอกว่าสามารถถ่ายในที่มืด และ ที่แสงมากเกินไปได้เป็นอย่างดี
อ้อ ฟีเจอร์เด็ดของคนสายกลางคืนที่ไม่บอกไม่ได้เลยคือ ChromaFlash เป็นระบบเอาใจคนชอบใช้แฟรชถ่ายรูปแต่เกิดปัญหาว่าหน้าขาวว๊อก ฉากหลังหายไป แต่ด้วยระบบ ChromaFlash ของ obi เค้าบอกว่ามือถือจะทำการถ่ายรูป 2 รูปต่อกันแล้วนำรูปที่ได้มาผสมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด….เอ้า เดี๋ยวได้ลองแน่ ๆ
ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. นอกนั้นเรียบสนิท ไม่มีอะไรเกินความจำเป็นให้รกตา
ด้านล่างของตัวเครื่องตามสมัยนิยมคือ ตรงกลางเป็นช่อง MicroUSB เอาไว้ชาร์จไฟ และ เชื่อต่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ขนาบข้างด้วยลำโพง 2 ชุด ซ้ายขวาซ่อนอยู่ในช่องลำโพงที่เป็นรู ๆ นั่นแหละ
จุดเด่นเรื่องเสียงของ obi SF1 คือลำโพงคู่ พร้อมระบบ Surround Sound 5.1 ของ Dolby ที่จะทำให้เราเสมือนหนึ่งนั่งอยู่กลางโรงหนังกันเลยทีเดียว
ระวังหน่อยนะเวลาเปิดหนังสงคราม เดี๋ยวมีเผลอกระโดดหลบระเบิด…. ^^!
จุดที่เห็นเด่นชัดที่สุดของ obi SF1 คือ หน้าจอยก เอิ่ม….แปลก ๆ นะ แต่ดู ๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน
นี่ถ้ามีคนทำเคสขายคงสนุกมาก เพราะเคสสามารถมาชนขอบข้างจอ แล้วเนื้อเคสเสมอจอพอดีเลย ^^
ด้วยความที่เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0.x ดังนั้นภาษาไทยไม่มีปัญหาทั้งเมนู และ แป้นพิมพ์
การทำงานภายใต้ซีพียู Qualcomm Snapdragon 615 ความเร็ว 1.5 กิ๊ก พร้อมแรม 2 กิ๊กของซัมซุงนั้นรวดเร็วสบายหายห่วง ยิ่งได้หน้าจอ FullHD แบบนี้ใช้เพลินเลยครับ
โดยรวมหลังจากได้ลองถือ ๆ จับ ๆ เล่นไม่กี่ชั่วโมง ผมว่าเป็นมือถือที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะด้านการออกแบบที่น่าจะมีลูกค้า 2 ประเภท คือ ชอบไปเลยเพราะความแหวกแนว กับ เกลียดไปเลย
ส่วนตัวผมไม่แรก ๆ ไม่ชอบตรงที่หน้าจอยกระดับขึ้นมาเป็นทรงไอโฟน ส่วนตัวเครื่องได้ทรงของ Nokia Lumia เป็นแรงบันดาลใจ…จับใช้งานไปสักพักก็รู้สึกโอเคกับมันนะ โดยเฉพาะความแน่นหนาของตัวเครื่องที่ทำให้รู้สึกดี การใช้งานเบื้องต้นรวดเร็วทันใจ หน้าจอคมชัด ถือจับถนัดมือ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงเวลาเล่นแบรนด์แบบนี้คือ กันรอย และ เคส น่าจะหายากนิดนึง ส่วนระบบปฏิบัติการเป็นแอนดรอยด์ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
โดยรวมผมว่าน่าสนใจไม่น้อย และ น่าเป็นมือถือที่น่าเล่นกว่าพวกแบรนด์จีนที่กระหน่ำทำโปรโมชั่นกันอยู่
ใครเสพรีวิวนี้แล้วสนใจ บอกเลยว่านี่เป็นรีวิวพิเศษ เครื่องยังไม่วางจำหน่ายในประเทศไทยนะครับ จากปากคำของคนประสานงานทางโทรศัพท์ จำได้ว่าขายกลางเดือนธันวาคม ราคาเจ็ดพันกว่าบาท ยังไงเช็คข่าวอีกทีนะจ๊ะเพราะตอนที่รับสายนั่นป่วยอยู่ สมองไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ 555
รอเสพภาคกล้องถ่ายรูปเร็ว ๆ นี้
ขอให้มีความสุข สนุกกับ LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ