เห็นรีวิว Chuen Kee ร้านอาหารทะเลย่าน Sai Kung นี้จากหลายเวปว่าเป็นร้านเด็ด xenon_art มีโอกาสเลยไปลองลิ้มแล้วเอามาเล่าให้ฟัง เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวฮ่องกง
ทริปฮ่องกงล่าสุดของผมเป็นทริปที่คนเยอะกว่าปกติ เพราะพาพนักงานที่อยู่กันมานานไปเที่ยวพร้อมหอบครอบครัว และ น้องที่พูดจีนได้ไปด้วย (จริง ๆ เป็นคนจีนพูดไทยได้ต่างหาก 555) ดรีมทีมขนาดนี้เลยไปลองลิ้มชิมรสชาติอาหารซีฟู๊ตสไตล์จีนฮ่องกงดูซะหน่อย
ตอนแรกลังเลว่าจะไป Lei Yue Mun / ไหล่ หยู หมุ่น หรือ Sai Kung / ไซกง ดี….หลังจากให้น้องเค้าเข้าไปอ่านความเห็นของเวปคนฮ่องกงแล้วสรุปได้ที่ ไหล่ หยู หมุ่น
จริง ๆ ทั้ง 2 ที่เดินทางจากเกาลูนไปใช้เวลาพอ ๆ กัน รสชาติอาหารเค้าก็ว่าดีพอกัน แต่….ไซกง จะถูกกว่า แหม ๆ ๆ แบบนี้จะรออะไรหล่ะครับ มติเอกฉันท์ทันที
พอไปถึงก็มีตัวเลือก 2 ร้าน คือ Chuen Kee (ชุนแก) ร้านดังที่คนไทยชอบไปกินกัน และ Loaf On (หลุกฟุก) ที่เป็นร้านเดียวใน ไซกง ที่ได้ติดดาวมิชิลลิน 1 ดวง ว้าวววว นี่มันร้านระดับเทพเลยนะเนี่ย เดินไปอ่านเมนูแนะนำหน้าร้านปรากฏว่าของเด็ดต้องลองคือ ไก่หนังกรอบ เต้าหู้ปลาทรงเครื่อง เต้าหูอบพริกเกลือ ซะงั้น
ระหว่างเดินตระเวนชมพื้นที่โดยรอบ ซึมซับบรรยากาศการค้าขายอาหารทะเลเป็น ๆ บนถนนเลืยบทะเลกินบรรยากาศที่แตกต่างกับสะพานปลาบ้านเรา หรือจะนั่งทำมิวสิควีดิโอไปพลาง ๆ
วันนี้อารมณ์จะกินอาหารทะเล เลยมุ่งหน้าไปกินชุนแก…ชิมแล้วเลยมาเล่าให้ฟัง
Cheun Kee / ชุนแก
ประเภทอาหาร: อาหาร
ที่ตั้ง: ถนน Seafood Street (แท๊กซี่เค้าบอกมา) ริมทะเลย่าน Sai Kung
คุณภาพอาหาร: 9/10
การเดินทางมาที่ถนนซีฟู๊ตไม่ยากครับ ไปนั่งรถมินิบัสจากต้นสายที่ถนน Dandas ย่านมงก๊ก นั่งสุดสายก็ ไซกง นี่เลย ลงแล้วเดินเลาะมาทางขวาตามถนนเลียบทะเลเรื่อย ๆ ก็น่าจะเจอซุ้มประตูแล้วหล่ะ (เค้าบอกมาอีกที)
ส่วนผมเป็นพวกรักสบาย แถมมีเด็กเล็กมาด้วยเลยนั่งแท๊กซี่กันมา 2 คัน คันแรกมาจากโรงแรม Gateway Hotel จิมซาโจ่ย เสียค่ารถไป 145เหรียญ ส่วนอีกคันนั่งจากมงก๊กเสียค่ารถไป 133 เหรียญ แต่ละคันนั่ง 4 คน ตกคนนึงเฉลี่ยเป็นเงินไทยประมาณ 160 บาท
แท๊กซี่มาจอดหน้าซุ้มทางเข้าเลย เพราะผมเซฟรูปให้แท๊กซี่ดู ถึงที่แล้วเจ้าลูกชายก็จัดแจงถ่ายรูปที่ระลึกหน้าซุ้มประตูทางเข้าถนนซีฟู๊ตของ ไซกง กับผู้ช่วยของผมซะหน่อย
Chuen Kee เค้ามีหลายสาขาในย่านนี้นะครับ ถ้าจำไม่ผิดมี 3 ร้าน ตั้งอยู่ 3 มุมของไซกงกันเลย เรียกได้ว่าดักลูกค้าทุกทาง
ส่วนสาขาที่เราจะไปชิมนั้นเดินผ่านซุ้มเข้าไปร้านแรกขวามือ
มองลงไปที่ทะเลก็จะเห็นเรือเล็กที่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลเต็มลำ วนเวียนหาลูกค้า ใครใคร่ซื้อจากเรือก็กวักมือเรียก เลือกซื้อเสร็จก็ถือไปให้ที่ร้านทำก็ได้ ร้านเค้าจะคิดค่าทำเฉย ๆ
ส่วนร้านชุนแก เค้าจะมีสารพัดอาหารทะเลเป็น ๆ ว่ายอยู่ในตู้ จะซื้อมาให้เค้าปรุงก็ได้ แต่พวกผมเลือกจากตู้นั่นแหละง่ายดีเพราะงวดนี้พาผู้ช่วยที่พูดจีนได้ร่วมทริปด้วย เลยยืนล้งเล้งเลือกอาหารกันอย่างสนุกสนาน นั่นตัวอะไร นี่เท่าไหร่ ทำอะไรอร่อย สนุกสนานปนวุ่นวายดีมาก ๆ
หากใครคิดจะตามรอยไปชิมแต่กลัวสื่อสารภาษาจีนไม่ได้ ไม่ต้องห่วง เค้ามีคนพูดอังกฤษได้ มีเมนูภาษาอังกฤษ ที่สำคัญเค้ามีอาหารเซ็ตให้เลือกด้วย จะไป 2 คน หรือ 10 คนก็จัดปริมาณอาหารให้พอเหมาะได้
สำหรับคนฮ่องกงแล้ว อาหารทะเล “สด” นั้นหมายถึงต้องยังมีชีวิต และ ว่ายอยู่เท่านั้น ดังนั้นหน้าร้านจะมีบรรดาสัตว์ประหลาด เอ้ย…สัตว์ทะเลน่าทานมากมาก ^^
หลายอย่างก็รู้จักและเคยกินมาก่อน ส่วนอีกหลายอย่างเกิดมาไม่เคยเห็น
กั๊ง เมนูเด็ดที่ดรีมทีมผมรอคอย
หอยเชลล์ เป็นหอยชนิดเดียวที่ภรรยาผมทาน เป็นเมนูบังคับทุกครั้งที่ไปกินอาหารทะเล ที่นี่สามารถสั่งเป็ตัวได้ว่าจะเอากี่ตัว เลือกตัวที่ถูกใจแล้วชั่งน้ำหนัก จะปรุงแบบไหน รสชาติอะไรสั่งพนักงานได้เลย
เจ้าหอยที่หน้าตาเหมือนหอยตลับใหญ่ ๆ ที่ผมวงกลมสีแดงไว้ ไม่รู้เรียกเป็นไทยว่าอะไร รู้แต่ว่า “ไม่อร่อยเลย” จ้า เสียดายเงินสุด ๆ
ปู ปู ปู เป็น ๆ สด ๆ อยู่ในน้ำให้เลือก
ใครอุ้มลูกเล็ก ๆ ไปก็ไม่ต้องกลัวลำบากในร้านมีเก้าอี้เด็กบริการ แถมผมว่าออกแนวสนุกซะมากกว่ากับการได้ไปเห็นสัตว์ทะเลว่ายในตู้ดั่งไปเดินชม Ocean Park แต่เป็นเวอร์ชั่น “กินได้” 555
เช็คข้อมูลกันไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาพิสูจน์ทราบความอร่อยกันแล้วจ้า โดยอาหารที่เลือกทั้งหมดจะปรุงในแบบที่ทางร้านแนะนำ
เริ่มที่กุ้งนึ่งเรียกน้ำย่อย กุ้งนั้นเค้าเสริฟมาพร้อมน้ำจิ้มซีอิ๊วตามแบบจีน ไม่มีนำ้จิ้มซีฟู๊ตให้นะ ใครชอบคงต้องแบกไปเอง
ความสดไม่ต้องพูดถึงเพราะทุกจานนั้น ตะกี้ยังว่ายน้ำอยู่เลย เนื้อแน่นหวานกรอบสุกทั้งตัวแต่เนื้อยังฉ่ำอยู่….นึ่งได้พอดีอย่างที่สุด อร่อยมาก ๆ แบบไม่ต้องจิ้มอะไรเลย จานแรกก็ประทับใจแล้ว
จานที่สองก็หอยเป๋าฮื้ออบพริกกระเทียม เค้าอบมาได้สุกกำลังดี กรอบนอก นุ่มใน หอมเนื้อหอยเป๋าฮื้อสด ๆ เคล้ากลิ่นกระเทียม แค่วางลงมาทั้งโต๊ะก็น้ำลายสอแล้ว
เนื้อหอยแน่น ๆ กรุบนอกแต่กัดเข้าไปแล้วด้านในนุ่มฉ่ำ ติดรสเค็มนำนิด ๆ ตามด้วยรสเผ็ดหน่อย ๆ โอ้วววว มันสุดยอดมาก เมนูนี้ฟินไม่รู้ลืม
ไฮไลท์อีกจานของมื้อนี้ที่ทุกคนรอคอย กั้งตัวยักษ์ทอดกระเทียม เอากรรไกรตัดเปลือก แง้มเอาเนื้อกั้งหวาน ๆ เด้ง ๆ ด้านในออกมา ใส่ปากเคี้ยวแล้วอุทาน “อืมม์” กันทุกคน ลิ้มรสหวานของเนื้อกั้งสด ๆ ที่ปรุงได้พอดีเป็นที่สุดตามด้วยกลิ่นและรสฝีมือเชฟที่ทอดกระเทียมได้หอม หวาน เค็ม มัน กลมกล่อมเป็นที่สุด เจอจานนี้เข้าไปอมยิ้มกันทุกคน
กั้งตัวหย่ายแค่ไหน เทียบขนาดหลังทอดได้จากมือใหญ่ ๆ ของผม
หอยงวงช้าง เลือกตัวขนาดกลาง ๆ จะได้สั่งได้หลายอย่าง แล่ออกมากินสด ๆ แบบซาชิมิได้จานใหญ่อย่างที่เห็น เสริฟพร้อมซีอิ๊วญี่ปุ่นและวาซาบิ ด้วยความที่หอยสด ๆ เป็น ๆ นำมาแล่ เนื้อไม่มีกลิ่น สัมผัสกรอบ และ หนึบดีมาก เคี้ยวสนุกกว่ากุ้งมังกรซาชิมิเยอะ
หากใครไม่กินดิบ เค้ามีบริการหม้อสุกี้ให้ เอาไปลวกแล้วค่อยจิ้มวาซาบิอีกที เนื้อหอยหั่นบางเมื่อสุกแล้วจะคล้าย ๆ ปลาหมึกเพียงแต่กรอบ และ หนึบกว่า….ฟินไปอีกแบบ เมนูนี้ห้ามพลาดเช่นกัน
กุ้งมังกรตัวเขื่องปรุงแบบจีนโปะลงบนบะหมี่ เค้าบอกว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้านกันเลยทีเดียว
รสชาติดี บะหมี่อร่อยมาก สำหรับผมจานนี้เฉย ๆ น่าจะเอาไปอบกระเทียม หรือ กินเป็นซาชิมิมากกว่า แต่เห็นว่ามีหอยงวงช้างแล้วเลยลองกินแบบนี้ดู สัมภาษณ์ผู้ร่วมคณะก็มติเอกฉันท์ว่าไม่โดน จานนี้นับเป็นกุ้งมังกรตัวละโลตัวแรกในประวัติศาสตร์การกินของผมที่ต้องห่อกลับบ้าน
หอยเชลล์ตัวเขื่อง อบวุ้นเส้นในน้ำซีอิ๊วเมนุโปรดของภรรยา รสชาติหน่ะเหรอ ไม่รู้สินะ ไม่ทันได้ชิมเพราะหันไปอีกทีเกลี้ยงงงงง
ถามทุกคนในโต๊ะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย” ถถถถถ อร่อยหล่ะสิ ไม่เหลือให้เจ้านายกินเลยนะ ชิ!!!
ปลาหมึกผัดพริกกระเทียม (อีกแล้ว) กลิ่นกระเทียมจาง ๆ กับรสสัมผัสของเนื้อปลาหมึกกรุบนิด ๆ ทว่าเนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ขนาดจานนี้เสริฟเป็นจานสุดท้ายตอนที่ทุกคนท้องจะแตกแล้ว ยังกินกันจนหมดจาน ในขณะที่กุ้งมังกรโดนห่อ…มันถูกปากแค่ไหนคิดดู
มื้อนี้ยังมีผักผัดอีก 2 จานไม่ได้ถ่ายรูปมา ส่วนรสชาติ “ไม่ผ่าน” อย่างแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจอสารพัดอาหารเทพที่เรียงรายจนเต็มโต๊ะทำให้ผัดผักไม่อร่อยหรือมันไม่อร่อยจริง ๆ
เอาเป็นว่าหากใครจะมาทาน อย่าสั่งผัดบล็อคโคลี่ และ ผักกาดแก้วผัดกระเทียมแล้วกัน O_o!
มื้อนี้มีหลายเมนูที่ถูกปากด้วยความสด และ การปรุงขั้นเทพ ปนกับบางเมนูที่ไม่ค่อยถูกปากชาวคณะเท่าไหร่นักเรียกว่าร้านนี้เค้าไม่ได้อร่อยทุกเมนู ค่าอาหารทั้งหมดสิริรวมสองหมื่นบาทนิด ๆ ยังไม่รวมค่าเดินทาง
จริง ๆ สั่งเป็นชุดจะถูกกว่า หรือ จะเลือกกุ้ง เลือกกั้ง เลือกหอยที่ตัวเล็กกว่านี้ถูกกว่านี้ก็ได้ครับ…เค้าปรุงออกมาได้รสชาติอร่อยเหมือนกัน แต่ถ่อร่างมาถึงนี้แล้วมันต้องสั่งให้ “สุด” ไปเลยเนอะ
หากถามผมว่าแพงมั๊ย….บอกเลยว่าแพง ถามว่าคุ้มมั๊ย….บอกเลยว่าไม่คุ้ม หากถามว่าผิดหวังมั๊ย….บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง สนุกเสียอีกที่ได้มารับประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตัวเองและครอบครัว
หันไปถามภรรยา และ ชาวคณะ ว่าจะมาอีกมั๊ย ทุกคนบอกไม่มาแล้วคร้า ~~! กลับไปกินเซ็ตกุ้งมังกร เป๋าฮื้อ หมูหันที่เชียงการีล่า ตรงธนิยะมื้อละสองหมื่นดีกว่า
บทสรุป
สำหรับผมถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีอีกครั้งหนึ่ง สามารถบอกกับตัวเองได้แล้วว่า “ฉันเคยมากินซีฟู๊ตที่ริมทะเลฮ่องกงแล้วนะ” “จัดหนักตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น”
ใครชอบลอง ชอบประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ผมว่าการเดินทางมา Sai Kung เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผม เป๋าฮื้อ กั๊งทอดกระเทียม ปลาหมึก และ หอยงวงช้างซาชิมิอร่อยระดับเทพ เพื่อน ๆ สามารถไปลองชิมกันดูได้ อะไรที่ไม่อร่อยก็ไม่ต้องสั่งตามผมให้เปลืองเงิน
ถ้าหากไม่ได้มาชิมอาหารทะเลสด ๆ ที่นี่ ผมบอกได้เลยว่าท่านก็ไม่ได้พลาดอะไรครับ ซีฟู๊ตบ้านเราเทพเหมือนกัน ส่วนผมคราวหน้าว่าจะไปลอง Loaf On ซะหน่อย ไว้ได้ไปเมื่อไหร่จะมาเล่าให้ฟังอีกที
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ