รีวิวแกะกล่อง Meizu M2 Note จอ FullHD OctaCore แรม 2 กิ๊ก ราคาแค่ 5,990

วันก่อนมีโอกาศได้เครื่อง Meizu หรือ เหม่ยซู รุ่นล่า M2 Note มาในครอบครอง ไม่รอช้าจัดรีวิวแกะกล่องพร้อมสเปคให้แฟน ๆ ทั้งหลายเสพโดยพลัน

แบรนด์ Meizu นี้ถ้าไม่พลาดน่าจะออกเสียงว่า “เม่ยซู” หรือ “เหมยซู่” เป็นแบรนด์จีนเหมือนกับคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดระดับราคาครึ่งหมื่นไปจนถึงหมื่นนิด ๆ เรียกว่าเป็นมือถือสเปคแรง ราคาประหยัด ที่เป็นตลาดใหญ่ในบ้านเราตอนนี้

Meizu เริ่มลุยตลาดบ้านเราอย่างจริงจังมาระยะหนึ่งแล้ว ผมเองติดตามแบรนด์นี้มาตั้งแต่สมัยเปิดตัวรุ่นแรกของโลก…..ผมยังมีเสื้อ XDAII x Meizu Club อยู่เลย เชื่อว่าเป็นคลับแรกของประเทศไทย 555 สมัยนั้นเวปนอกเรียกเป็น iPhone Killer แต่ที่ผ่านมาแบรนด์นี้หลุดโฟกัสไปเล็กน้อยผมจึงไม่ค่อยได้ตามข่าวเท่าไหร่นัก จนวันนี้ได้กลับมาลุยกันต่อในไทย เรามาดูกันว่า M2 Note จะเป็นอย่างไร

สเปค Meizu M2 Note

ระบบปฏิบัติการ Flyme ที่ใช้แกนในเป็น แอนดรอยด์ 5.1
ขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 75.2 x 8.7 มม.
น้ำหนัก 149 กรัม
หน้าจอ 5.5 นิ้ว Full HD แสดงผล 1920 x 1080
ซีพียู MediaTek MT6753 แบบ OctaCore 64 บิต ความเร็ว 1.3 กิ๊ก
แรม 2 กิ๊ก
หน่วยความจำในตัวเครื่อง 16 กิ๊ก
รองรับเมมโมรี่การ์ดสูงสุด 128 กิ๊ก
ใส่ได้ 2 ซิม แต่ช่องซิม 2 สามารถใช่ เมมโมรี่การ์ดแทนได้
กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ความจุ 3,100 มิลิแอมป์
วางจำหน่าย 2 สี คือ ขาว และ เทา
ราคา 5,990 บาท

กล่องสีขาวกว้างยาวประมาณกล่อง iPhone 6 Plus สองกล่องเรียงต่อกัน แต่ตัวกล่องบาง เบา

บนกล่องสกรีน m2note ให้อารมณ์เรียบง่ายทว่าสวยงาม ด้านหลังสีขาว เน้นเรียบง่ายสะอาดตาเช่นกัน ไม่มีสเปคจึงไม่ได้ถ่ายให้ชม

อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย

ตัวเครื่อง
สายดาต้า
หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
คู่มือฉบับย่อ
เข็มจิ้มซิม

สิ่งหนึ่งที่แปลกใจเมื่อเปิดกล่องออกมาคือ แนวคิดการจัดเรียงตัวเครื่อง อุปกรณ์ด้านในที่ไม่ตามก้นชาวบ้าน ไม่ต้องเป็นกล่องทรงผืนผ้าขนาดเดียวกับตัวเครื่อง อุปกรณ์อัดแน่นในพื้นที่จำกัด แต่เค้าให้พื้นที่แบบเหลือเฟือ ไม่อึดอัด สวยงามหรูหรา ดูแล้วยังไงก็ไม่น่าจะราคาแค่ 5,990 บาท

เนื่องด้วยเป็นระบบปฏิบัติการที่โมเพิ่มมาจาก แอนดรอยด์ 5.1 ภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการ Flyme โดยรวมการใช้งานต่าง ๆ ไม่ต่างกับแอนดรอยด์ทั่วไปมากนัก แต่การควบคุมต่าง ๆ ของ Meizu m2 note นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใครซื้อมาแนะนำให้อ่านคู่มือฉบับย่อก่อนใช้งาน จะได้ไม่งง

เอาง่าย ๆ ว่า Flyme ไม่มีปุ่ม Back ถ้าจะย้อนกลับให้แตะที่ปุ่มโฮมเบา ๆ ก็จะย้อนกลับ แต่พอกดลงไปดัง “กึก” จะเป็นการกลับหน้าโฮม….คราวนี้ Quick Start Guide หรือ คู่มือฉบับย่อมีประโยชน์แระ ^^

สายดาต้า และ หัวปลั๊กชาร์จไปบ้านให้มาตามมาตรฐาน หัวจ่ายไฟจ่ายที่ 2 แอมป์แรงเท่ากับพวก Note 5 และ iPhone 6 กันเลยทีเดียว ชาร์จเต็มเร็วแน่นอนหายห่วง

เข็มจิ้มถามซิม+เมมโมรี่การ์ด หน้าตาสวยดี มีโลโก้ Flyme ชัดเจน

Meizu m2 note มาแปลกกว่าชาวบ้านในตลาดตรงที่ “ไม่แถม” หูฟัง แต่มีโฟมพร้อมคำอธิบายว่า “Earphone not included” ซะงั้น

ตัวเครื่องแกะกล่องออกมามีแผ่นกันรอยปิดทับหน้าจอมาป้องกันรอย และ สกรีนรายละเอียดน่ารู้เกี่ยวกับตัวเครื่องไว้มากมาย…น่าสนใจมาก ๆ กับการให้ความรู้กับผู้ใช้งานแบบง่าย ๆ แต่ได้ผล

เห็นมะ ถาดใส่ซิม+เมมอยู่ด้านข้าง ซึ่งถาดนี้เป็นแบบ Hybrid คือ สามารถใส่ได้ 2 ซิม รองรับ 4G ทั้งสองซิม เล่นเน็ตใส ๆ

แต่หากใครใช้ซิมเดียว สามารถใส่เมมเพิ่มได้ในช่องซิม 2 นั่นหมายความว่าตัวเครื่องสามารถเลือกได้อย่างเดียว คือ จะเอา 2 ซิมไม่เพิ่มเมม หรือ จะเพิ่มเมมใส่ซิมเดียว ซึ่งปัจจุบันช่อง Hybrid นี้หลายแบรนด์เริ่มนำมาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า

หากต้องการจุเรียก task manager เอาไว้สลับแอพฯ ต่าง ๆ หรือ จะเช็คว่าเปิดแอพฯ อะไรค้างไว้บ้าง สามารถรูดจากขอบจอด้านล่างขึ้นไป…ตามภาพด้านบาน

หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD ที่เรียกได้ “จัดเต็ม” ที่สุดในตลาดราคา 5,990 บาท ความคมชัด ความสว่าง ความสวยงาม ถือว่าดีงามเกินค่าตัว…แทบไม่ต้องคิดเลย (อวยไส้แตก)

และด้วยความเป็นระบบปฏิบัติการ Flyme ทำให้ไม่มีหน้ารวมแอพฯ แต่ทุกอย่างจะอยู่บนหน้าต่าง ๆ ของหน้าโฮมหมดเลย โดยเปิดเครื่องมาปุ๊ปจะมี 2 หน้าให้ใช้งาน คือ หน้าหลักที่มีช่อง Google Search แล้วพอเลื่อนไปทางซ้ายมือของเราจะเป็นหน้ารวมแอพฯ ต่าง ๆ

ด้านหลัวเปิดฝาเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้ ตัวเครื่องทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนตทำให้มีน้ำหนักเบา เล่นสีได้หลากหลาย โดยหน้าเวปเค้าโชว์หลายสีอยู่นะ แต่ที่ไทยแจ้งว่าวางจำหน่ายเพียง ขาว และ เทา เท่านั้น…น่าเสียดายมาก

ด้านในบรรจุไว้ด้วยแบตเตอรี่ขนาดยักษ์ ความจุ 3,100 มิลิแอมป์ มากกว่า Note 5 เสียอีก

กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรช LED คู่ คือ เม็ดนึงสีขาว เม็ดนึงสีส้ม ทำให้การถ่ายภาพมีมิติมากขึ้น จากแสงสีผสม หากใครเคยถ่ายหน้าคนตอนกลางคืนแล้วใช้แฟรชสีขาวบนมือถือจะรู้ดีว่า “หน้าแบน” มั๊ก ๆ

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องเป็นปุ่มปรับลด-เพิ่มเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มพาวเวอร์

สังเกตุจะเห็นว่าด้านข้างเป็นส่วนโค้งมนจากฝาหลังเป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้ความรู้สึกแน่นหนา เรียบร้อยดี

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องเรียบ ๆ ไม่มีอะไรนอกจากช่องใส่ซิมแบบไฮบริด

ด้านบนส่วนหน้าจะมีกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ด้านหน้าส่วนล่างเป็นปุ่มโฮมแบบไร้ปุ่มเมนูและย้อนกลับ ต่างกับแอนดรอยด์ทั่วไป ซึ่งเท่าที่ลองใช้วิธีแตะปุ่ม M Home ของ Meizu เพื่อย้อนกลับนั้น ผมว่าแรก ๆ อาจไม่ชิน แต่พอลองแตะไปสักทีสองทีก็คล่องแล้วหล่ะ ใช้ ๆ ดูแล้วรู้สึกสะดวกดีนะ ไม่ต้องเมื่อยนิ้ว

ส่วนบนของตัวเครื่องเป็นขอบโค้งจากฝาหลังเช่นเดียวกับด้านข้าง มีช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มม. มาตรฐานปัจจุบัน แม้จะไม่ได้แถมหูฟังมาด้วย แต่สามาถหาหูฟังอื่น ๆ อะไรก็ได้มาใช้งานได้ทันที

รูเล็ก ๆ ใกล้ ๆ กันเป็นไมโครโฟนอัดเสียง

ด้านล่างของตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นช่องเสียบสายดาต้า และ ชาร์จไฟ รูกลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนรูเข็มเป็นไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ ส่วนรูใหญ่ ๆ 4 รูเรียงกันเป็นลำโพงเสียงภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงเตือน เสียงโทรศัพท์ หรือ ดูหนัง ฟังเพลง

เท่าที่ลองเปิดใช้งานเล่นโน่น นั่นนี่ ช่วงลองของก่อนถ่ายรีวิว ผมว่าการตอบสนองของ m2 note ทำได้ดีมากกับซีพียู OctaCore ของ MediaTek รหัส MT6753 ความเร็ว 1.3 กิ๊ก ที่ใช้งานร่วมกับแรม 2 กิ๊ก ที่น่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ของมือถือแอนดรอยด์แล้วหล่ะครับ พวกแรม 1 กิ๊ก ส่วนมากใช้งานยาว ๆ มักจะมีปัญหาแอพฯ เด้ง ซึ่งตรงนี้ทำให้ Meizu m2 note เป็นแอนดรอยด์ราคาครึ่งหมื่นที่ได้แรม 2 กิ๊กมาใช้เนียน ๆ

หน่วยความจำในตัวเครื่องรุ่นที่จำหน่ายในไทยราคา 5,990 นี้ จะได้หน่วยความจำในตัวเครื่อง 6 กิ๊ก เหลือใช้งานได้จริง ๆ ประมาณ 10 กิ๊ก ซึ่งถือว่าหากเอามาใช้ลงแอพฯ ต่าง ๆ และ ถ่ายรูปก็เหลือเฟือ หากจะเอาวีดิโอยัดลงไปเยอะ ๆ แนะนำให้ใส่เมมฯ จะดีกว่า โดยต้องเสียสละใช้เพียงซิมเดียว

เรื่องกล้องเบื้องต้นรู้สึกว่าทำงานได้ดีสมราคา แต่จะถูกใจเพื่อน ๆ หรือไม่รอชมรีวิวเร็ว ๆ นี้ครับ

ใครอ่านแล้วคันไม้คันมืออยากได้เจ้าเหมยซู / Meizu m2 note มาเป็นเจ้าของ บอกเลยไม่ต้องไปเดินหาซื้อให้เมื่อขา เค้าอินดี้ เกี่ยวก้อยกับ Lazada.co.th โดยขายผ่านเวปเท่านั้น

วิธีซื้อ Meizu m2 note

เจ้า m2 note ไม่วางขายตามร้านค้าทั่วไป แต่จะขายแบบ flash sale อินดี้ คือ ต้องซื้อผ่านหน้าเวป Lazada เฉพาะวันที่ 29 กันยายน 2558 เวลา 10 โมงเช้าถึง เที่ยวตรง เท่านั้น….รอบแรกนะ ใครพลาดไปรอรอบหน้าซึ่งน่าจะประกาศอีกครั้งหนึ่ง

ใครสนใจก็ไปที่ลิ้งค์นี้ www.lazada.co.th/meizu-m2-note

สิ่งที่น่าสังเกตุ

1 หากใครชอบดูหนัง ฟังเพลง ในพื้นที่สาธารณะ แนะนำให้หาหูฟังมาใช้งานร่วมด้วย เพราะเค้าไม่ได้แถมมา

2 เนื้อโพลีคาร์บอนเนตของ Meizu ผมว่าบอบบางไปหน่อย ผมที่เป็นคนรักษาของพอสมควร ใช้เจ้า m2 note ได้เพียง 2 ชั่วโมงก็ได้รอยแรกมาแล้วแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโดนอะไร ใครซื้อมาใช้อย่าซุ่มซ่ามเหมือนผมแล้วกัน …น้ำตาตก