แกะกล่องของแรง Samsung Galaxy Note 5 ที่รวดเร็ว ตรงไปตรงมา ตามสไตล์ xenon_art ซื้อเอง รีวิวเอง ไม่ต้องเกรงใจแบรนด์
ผ่านไปอีก 1 ปีกับมือถือจอยักษ์พร้อมปากกาที่ปลุกกระแสฟาเบล็ต หรือ มือถืาหน้าจอใหญ่กว่า 5 นิ้วที่สะเทือนวงการทันที่ที่วางจำหน่ายเมื่อ 4 ปีก่อน ส่งผลสะท้อนตลาดมือถือเป็นอย่างมากจนในที่สุด Apple ก็ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ผลิต iPhone 6 Plus หน้าจอยักษ์ออกมาขายทั้ง ๆ ที่ สตีฟ จ๊อบส์ เคยลั่นวาจาไว้ประมาณว่า “ไม่มีใครต้องการใช้มือถือจอใหญ่หรอกเฟ้ย”
คงไม่ต้องเกริ่นเรื่องงานเปิดตัวเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก เวปไหน ๆ ก็ออกข่าวกันหมด เรามาดูสเปคพร้อมจับของจริงกันเลยดีกว่า เพราะผมซื้อมารีวิวให้ชมกันเช่นเคย
อ้อ ช่วยเค้าโปรโมทนิดนึง ผมสั่งซื้อออนไลน์ทาง s-estore.com นะครับ ส่งถึงบ้านเลยไม่ต้องนั่งรถไปไกล รูดบัตรบนหน้าเวปได้เลย
สนใจคลิ๊ก https://www.s-estore.com/product/373/galaxy-note5—32-gb
สเปคอย่างเป็นทางการ Galaxy Note 5
- ขนาด 153.2 x 76.1 x 7.6 มม.
- น้ำหนัก 171 กรัม
- หน้าจอ 5.7 นิ้ว Super AMOLED QuadHD ความละเอียด 2560 x 1440518ppi
- ซีพียู Exynos 7420 OctaCore 2.1+1.5 กิ๊ก
- แรม 4 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 กิ๊ก
- เพิ่มเมมไม่ได้
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล เลนส์ f/1.9 พร้อมระบบ OIS
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เลนส์ f/1.9
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลิแอมป์ ถอดเปลี่ยนแบตไม่ได้
ราคา 25,900 บาท มีจำหน่ายสีเงินไทเทเนี่ยม และ สีทองพลาตินั่ม ส่วนสีดำตามมาทีหลัง
หากใครคาใจกับ Note 4 สงสัยลังเลว่าจะเปลี่ยนดีหรือไม่ หรือ เลือกอะไรดีระหว่าง Note5 กับ S6 แนะนำให้อ่าน – เทียบสเปคก่อนตัดสินใจระหว่า Samsung Galaxy Note 5 กับ Note4 และ S6
ด้านหน้ากล่องที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดียวกับรุ่นแรง ๆ อย่าง S6 และ S6 edge คือเป็นสีขาวอมน้ำตาลสะอาดตา พร้อมยี่ห้อ และ รุ่น โดยรวมแล้วมันช่วงเรียบง่ายแต่ดูดีจริง ๆ
ด้านหลังกล่องมีสเปคคร่าว ๆ ซึ่งหลัก ๆ ก็เป็นซีพียู Octa Core ซีพียูแปดแกน ประกอบด้วยซีพียู Quad Core 2 ตัว 2.1 กิ๊ก ตัวนึง และ 1.5 กิ๊ก ช่วยกันทำงานลดโหลดของการใช้งานซีพียูเพียงตัวเดียวทำให้การทำงานลื่นไหล
แรมจัดหนัก 4 กิ๊ก เยอะสะใจคาดว่าการทำงานลื่นไหล
แถบมุมบนที่บอกสี และ ความจุนี้ แถบสีจะเปลี่ยนไปตามสีของตัวเครื่องด้านในด้วยนะ สังเกตุง่ายหยิบไม่ผิดเครื่องชัวร์ โดยรุ่นที่จำหน่ายในไทยจะมีความจุ 32 กิ๊ก ราคา 25,900 บาท
งวดนี้ตัดสินใจซื้อสีเงินไทเทเนี่ยมมาเพราะอยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง แฟน ๆ xenon_art น่าจะรู้ว่าผมซื้อสีขาวเสมอ แต่ Galaxy Note 5 ดันไม่มีสีขาวหน่ะสิ ตอนแรกบอกเลยว่าลังเลว่าจะทอง หรือ เงิน ดี พยายาม google หาภาพสีเงินชัด ๆ ก็ไม่มี ส่วนมากเห็นแต่สีทอง อีกทั้งซัมซุง ประเทศไทยเองก็เน้นส่งเครื่องสีทองให้ blogger ท่านอื่นรีวิว ผมเลยตัดสินใจซื้อสีเงินไทเทฯ มาซะเลย
เปิดกล่องมาแว๊ปแรก แอบใจหาย O_o*
ตอนแรกคิดว่าจะเงินแบบ Mac Book Pro อะไรทำนองนี้ แต่ผมว่ามันออกเป็นสีเทาเงินซะมากกว่า พอตั้งสติได้ เอ่อ…..สวยดีเหมือนกัน ที่สำคัญถือไปไหนไม่โหลแน่นอน หยิบขึ้นมาคนรู้เลยว่าเป็น Note 5 รุ่นล่าสุด เพราะสีนี้มีเฉพาะ Note 5 เท่านั้นในตอนนี้ ต่างกับสีทองที่มองแว๊ป ๆ จะนึกว่า S6
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง
- สายดาต้า
- หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- หูฟัง
- ซิลิโคนสำรอง 4 คู่
- ที่จิ้มซิม
- คู่มือเริ่มใช้งานอย่างง่าย
- ใบรับประกัน
คู่มือเริ่มใช้งานฉบับย่อภาษาไทยมาในกล่องพร้อมบอกวิธีเริ่มใช้งานอย่างง่ายทั้งวิธีใส่ซิม และ ปุ่มควบคุมต่าง ๆ
ใบรับประกันขนาดจิ๋ว ตัวหนังสือเท่ามดเช่นเคย กรอกทีเพ่งกันแสบตาเลยครับ
สายดาต้าสำหรับโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ และ เมื่อเอาไปต่อกับหัวปลั๊กชาร์จไปก็จะกลายเป็นสายชาร์จทันที
หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน หรือ อะแดปเตอร์รูปทรงคุ้นตาของซัมซุง มาเป็นสีขาวเข้ากันกับสายดาต้า โดยจ่ายไฟแรง ๆ ที่ 2 แอมป์ ที่ชาร์จไฟแรง ๆ ให้ชาร์จได้เร็วขึ้น
หูฟังที่เป็นสมอล์ทอล์คในตัว ที่ใส่กล่องมาอย่างสวยงาม ยกระดับการแพ๊คของให้เรียบร้อยขึ้นไปอีก หูฟังเป็นหัวแบบ EarPod อันคุ้นตา มาพร้อมซิลิโคนครอบอีกชั้นหนึ่งเพื่อความสบายหู และ ยังช่วยกรองเสียงรอบข้างไม่ให้เข้ามาในหูเราอีกด้วย
หัวแจ๊คขนาด 3.5 มม. มาตรฐานสากล เอาหูฟังไปสลับใช้กับอุปกรณ์อื่นได้อย่างง่ายดาย
จุกหูฟังสำรอง 2 คู่ บรรจุรวมมาในกล่องหูฟังด้วยเลย ลองเพ่งดูดี ๆ ซิลิโคนสำรองจะอยู่กลางกล่อง เวลาเปิดกล่องหูฟังมาระวังหล่นหายนะครับ
เข็มจิ้มซิมรูปทรงเฉพาะของซัมซุงแปะอยู่บนถาดรองเครื่องพร้อมใช้งาน หัวเข็มกลมขนาดเดียวกับยี่ห้ออื่น ๆ
ปากคีบ หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกแหนบ เอาไว้ถอดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen พร้อมหัวสำรองอีก 4 อัน สีดำ 3 อัน สีขาว 1 อัน
ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว แถมได้ความละเอียดระดับ Quad HD
ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 171 กรัม ทำให้มันเป็นมือถือจอยักษ์ที่บาง และ เบากว่าเดิม (Note 4 หนัก 176 กรัม)
ด้านหน้าเทคโนโลยีใหม่ทำให้ขอบหน้าจอบางลง ความกว้างของตัวเครื่องจะแคบกว่า Note4 ตัวเก่าเล็กน้อย ทำให้การกวาดนิ้วไปทั่วหน้าจอทำได้ง่ายขึ้น
ฝาแบตไม่มีนะ ด้านหลังเป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่องทำให้ไม่สามารถถอดแบตเปลี่ยนได้ โดยรุ่นนี้ได้แบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลิแอมป์ มาประจำการ ซึ่งน้อยกว่า Note 4 รุ่นก่อนเล็กน้อย (Note 4 มีแบต 3,220 มิลิแอมป์)
กระจกหลังแทนที่จะเป็นเรียบ ๆ เหมือน S6 เค้าใส่รายละเอียดเก๋ ๆ เข้ามาด้วยกระจกขอบโค้งซ้าย-ขวา ทำให้จับกระชับมือแม้จะเป็นเครื่องหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว
ที่น่าสังเกตุคือ ระดับความโค้งของขอบทั้ง 2 ข้างนั้น มันโค้งองศาเดียวกับขอบจอของ S6 Edge+ ถ้าเอา Note 5 มาวางคว่ำ แล้ว S6 Edge+ มาวางหงาย เราจะได้ทรงเดียวกันเลย
ด้านหลังเราจะเห็นสีเงินไทเทฯ ชัดกว่าด้านหน้า โดยวัสดุเป็นโลหะเคลือบกระจกเหมือน S6 แต่สีของมันโดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมเวลาสะท้อนไฟก็จะได้สีเทาเงินเฉดต่าง ๆ ตามสภาพแสงทำให้รู้สึกเหมือนมีมือถือหลายเครื่อง ^^
….ลืมสีทองกันเลยทีเดียว
กล้องขั้นเทพ 16 ล้านพิกเซล เลนส์งาม ๆ f/1.9 พร้อมไฟแฟรช LED ที่คาดว่าใช้กล้องตัวเดียวกัน และ น่าจะถ่ายออกมาสวยชนะเลิศเหมือน S6 ตัวโปรดของผม
ติดกันเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดหัวใจที่ใช้คู่กับแอพฯ เพื่อสุขภาพต่าง ๆ และ สามารถตั้งให้เป็นชัตเตอร์ถ่ายภาพได้ด้วย
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง ที่ทำเป็นปุ่มแยกออกจากกัน ปุ่มแน่นแต่กดง่าย
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีเพียงปุ่ม Power เท่านั้น
ด้านหน้าส่วนบนมีลำโพงโทรศัพท์ตรงกลาง ขนาบด้วยกล้องหน้าความคมชัดระดับ 5 ล้านพิกเซลเลนซ์กว้างถ่ายเซลฟี่สวย ๆ โดยไม่ต้องยืดแขนจนสุด
อีกข้างนึงเป็นไฟเตือน LED และ เซ็นเซอร์
ด้านหน้าส่วนล่างเหมือน Galaxy S6 คือ ตรงกลางเป็นปุ่มโฮม กดเพื่อกลับมายังหน้าหลัก พร้อมกับเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับลายนิ้วมือ / finger print scan รุ่นล่าสุดที่ใช้ทาบเอา ไม่ต้องรูดลงเหมือน Note 4 แล้ว สามารถใช้ปลดล็อคหน้าจอ และ ใช้งานร่วมกับหลาย ๆ แอพฯ ที่รองรับการยืนยันตัวตนแบบสแกนลายนิ้วมือ
ด้านบนของตัวเครื่องเรียบ ๆ และ เป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิม รูเล็ก ๆ อีกด้านหนึ่งเป็นรูไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียง
เอาเข็มจิ้มซิมมาจิ้มเข้าไปเบา ๆ ถาดใส่ซิมก็จะเด้งออกมา ส่วนซิมที่ใช้ก็เป็นขนาด Nano SIM ซึ่งคือซิมจิ๋วขนาดเล็กที่สุดในปัจจุบัน
ด้านล่างของตัวเครื่องตามสมัยนิยมคือ ช่อง Micro USB ตรงกลางเอาไว้ชาร์จไฟ และ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ รูเล็ก ๆ เยอะ ๆ ด้านขวามือเป็นลำโพงเสียงภายนอก รูกลมเล็กข้างกันเป็นไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์ ส่วนรูกลมใหญ่ซ้ายสุดเป็นช่องเสียบหูฟัง
จะเห็นว่าคราวนี้ปากกาถูกเสียบเข้าไปมิดจนเรียบไปกับตัวเครื่อง ไม่สร้างความรู้สึกเกะกะ และ ออกแบบไม่เสร็จเหมือนที่ผ่านมาก เรียกว่าปรับปรุงได้ดีมาก
Galaxy Note 5 ออกแบบส่วนตูดของปากกาใหม่หมดจรดด้าม โดยจุดเด่นคือ “ตูด” ปากกาจะมีลักษณะคล้ายปากกากด กดเข้าไป 1 ครั้ง ตูดปากกาจะเด้งออกมา ในขณะที่ตัวปากกายังคงติดแน่นอยู่ในล็อคของเครื่องไม่หลุดออกมาแต่อย่างใด
เวลาใช้งานจริง กด “ตูดกระเด้ง” ปุ๊ป ไม่ใช่ว่าปากกาเด้งออกมานะ แต่ตูดจะโผล่ออกมาให้เราจับแล้วดึงออกมา
จากนั้นก็ดึงตรงตูดที่โผล่ออกมาเราจะรู้สึกมีเสียง “กริ๊ก” เบา ๆ ให้รู้ว่าตัวปากกาหลุดออกจากตัวล็อคแล้วก็สาวปากกาออกมาจด ๆ ๆ ได้เลย
จะเห็นส่วนของการเก็บปากกาแบบใหม่นี้ดูกลมกลืนกับตัวเครื่องมากกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่ดูแหว่ง ๆ ชอบกล ผมเชื่อว่าวิธีง่าย ๆ ที่ประยุกต์มาจากตูดปากกากดนี้กว่าจะคิดออกมาได้คงไม่ง่ายแน่นอน กราบงาม ๆ เลยครับ
ปากกา S Pen รุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์ใหม่ และ เพิ่มฟีเจอร์ให้สามารถใช้จดโน๊ตได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่อง รายละเอียดลูกเล่นต่าง ๆ เอาไว้บทความหน้าจะมาเล่าให้ฟัง
เมมในตัวมี 32 กิ๊ก เหลือให้ใช้งานจริง 24.58 กิ๊กเท่านั้น ที่สำคัญเพิ่มเมมโมรี่การ์ดไม่ได้นะจ๊ะ บริหารจัดการไฟล์กันเอาเอง
แรม 4 กิ๊ก ปิดแอพฯ ทั้งหมดแล้วเคลียร์แรมแล้วจะเหลือมากถึง 1.7 กิ๊ก เทียบ Galaxy S6 แรม 3 กิ๊กของผมเหลือใช้งานได้ 830 เมก ทำให้รู้สึกเลยว่า Note 5 แรมเหลือยิ่งกว่าเหลือ เกินพอต่อการใชังานทุกอย่างที่มือถือจะทำได้ 555
บทสรุปเบื้องต้น
ปีนี้หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่ค่อย “ว้าว” เท่าไหร่นัก เพราะมันดูยังไงก็คือ Galaxy S6 ขยายขนาด เพิ่มแรม เพิ่มปากกา แต่จริง ๆ แล้วฝาหลังมันไม่เหมือนกันนะ เพราะมันเป็นหลังขอบโค้ง 555 O_o*
ผมว่าเรื่องดีไซน์ต่างคนต่างชอบครับ สำหรับผม ติดใจอยู่นิดเดียวตรงมันไม่มีสีขาว สีโปรดของผมมาขาย
จากการลองเล่นเบื้องต้นความรู้สึกแรกเลยคือ มันเร็วมากกกก เร็วติดนิ้วกว่า S6 แบบรู้สึกได้เลยครับ หน้าจอสวยงาม สว่าง ถือจับถนัดมาก เทียบกับ Note 4 แล้วผมว่า Note 5 ถือสบายมือกว่า เอื้อมนิ้วไปแตะส่วนต่าง ๆ ของหน้าจอง่ายกว่า
โดยรวมแล้วผมว่าการทำงาน และ กล้องมันดีกว่า Note 4 พอสมควร แต่ถ้าถามว่าถ้าใช้ Note 4 อยู่สมควรเปลี่ยนมั๊ย…..รอดูรีวิวกันต่อไปละกัน
ข้อสังเกตุ
1) ปากกาสามารถเสียบได้ทั้ง 2 ด้าน เพราะเสียบยังไงก็ไม่เรียบเสมอเป๊ะ ๆ มันจะโผล่ออกมานิดนึง ไม่ต้องตกใจไป
2) เปิดเครื่องมาปุ๊ป ก็จะได้รับอัพเดทเฟิมแวร์ใหม่ล่าสุดทันที…เย้ ๆ
ส่งท้าย
ทิ้งท้ายไว้ด้วยเคสแป้นพิมพ์ หรือ Keyboard Case สำหรับ Galaxy Note 5 และ Galaxy S6 Edge+ ที่เป็นทั้งเคสปกป้องตัวเครื่องด้วย โดยมีแป้นพิมพ์ qwerty ประกอบด้านหน้าเพื่อช่วยให้การพิมพ์อะไรยาว ๆ สะดวกขึ้น งานนี้คนบ้าปุ่มอย่างผมนี่ยกมือปิดปากแล้วอุทาน “จะเอา” เสียงหลงเลย
เคสมีให้เลือกสีตามตัวเครื่อง สีทองเคสทอง แป้นทอง อร่ามได้ใจมั๊ก ๆ
สังเกตุดี ๆ นะครับว่าเวลาใส่เคสแล้วไอค่อนแถวล่างสุดจะถูกย้ายขึ้นมาไว้เหนือแป้นพิมพ์โดยอัตโนมัติ งานนี้แค่เห็นรูปก็ประทับใจกับการประยุกต์เอาของเก่ามาใช้ใหม่ได้อย่างไฮเทคแล้วหล่ะ
สำหรับความสวยงามนั้นก็แล้วแต่คนมองครับ ผมมองว่ามันสามารถทำให้สวยกว่านี้ได้ แต่เชื่อว่าข้อจำกัดต่าง ๆ เชื่อว่าซัมซุงคงพยายามเต็มที่แล้วหล่ะ ไม่แน่ว่าเวอร์ชั่นหน้าปุ่มจะสวยกว่านี้
จากภาพมุมนี้จะเห็นได้ว่าตัวเคสบางมากแนบไปกับตัวเครื่อง เอาไว้ซื้อได้แล้วจะรีวิวให้ดูอีกที
photo from androidcentral.com
รีวิวอื่นของ Galaxy Note 5
- เทียบสเปคก่อนตัดสินใจระหว่า Samsung Galaxy Note 5 กับ Note4 และ S6
- เทียบกันชัด ๆ…ซื้อ Samsung Galaxy Note 5 สีเงิน หรือ สีทองดี
- รีวิว Note 5 ภาคกล้องถ่ายรูป พิสูจน์ความชัด….รูปเยอะเหมือนเคย
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
Thk you for your review