เครื่องศูนย์ร้อน ๆ มาแกะกล่องให้เสพกันแล้ว หวังว่าคงยังไม่เบื่อรีวิวไอโฟน 6 ที่เอาเครื่องนอกมารีวิวกันเพียบนะ เพราะว่าในที่สุดก็ได้เป็นเจ้าของ iPhone 6 หน้าจอ 4.7 นิ้วสี Space Grey หรือ เทาดำ เครื่องศูนย์เสียที หลังจากอดทนรอมาเป็นเดือน
โดยผมทาง AIS กรุณาจัดเครื่อง VIP มาให้ซื้อ 1 เครื่อง….ขอบคุณอีกครั้งครับ งานนี้เลยจองออนไลน์ไปเป็น iPhone 6 Plus
ว่าแล้วก็มาลุยแกะกล่อง และ นอนกอดให้หายอยากกันเลย
สำหรับข้อมูลต่าง ๆ ของ iPhone ตัวใหม่นี้เคยออกบทความไปแล้ว สามารถอ่านได้ที่ รวบตึง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus รวมทุกอย่างที่คุณอยากรู้
จุดเด่นที่เปลี่ยนไปของ iPhone 6
- รูปร่างหน้าตาใหม่
- หน้าจอ Retina 4.7 นิ้ว
- ซีพียู A8 ตัวใหม่ล่าสุด เร็วกว่าเดิม เล็กกว่าเดิม แน่นอนว่าเป็น 64 บิตเหมือนเดิม
- ชิพ M8 ใหม่ ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ละเอียดกว่าเดิม จะเอียง จะคว่ำ จะทำอะไรเครื่องรู้หมด
- แรม 1 กิ๊กเท่าเดิม
- กล้อง 8 ล้านเหมือนเดิม แต่ชัดขึ้นด้วยโมดูลกล้องรุ่นใหม่ล่าสุด และ ระบบ Digital Stabilization ป้องกันภาพสั่นไหวด้วยซอฟแวร์
- กล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
- iOS8 ตัวล่าสุด
- เชื่อมต่อ LTE ได้เร็วขึ้น เสถียรขึ้นด้วยชิพใหม่
- มาพร้อม eWallet หรือ Apple Pay ที่ใช้ ไอโฟน จ่ายเงินผ่าน NFC พร้อมยืนยันตัวตนด้วย ระบบจดจำลายนิ้วมือ (Touch ID) อารมณ์คล้าย ๆ ซิม Rabbit นั่นแหละ แต่ล้ำกว่า
พวกลูกเล่น ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มากับ iOS8 คงไม่ต้องเล่าซ้ำ เพื่อน ๆ คลิ๊กอ่านบทความเก่ากันได้เลย
Apple ระบบปฏิบัติการ iOS 8 มีอะไรใหม่ แล้วก๊อปใครบ้าง
หน้ากล่องสีขาวสวยงาม ไม่มีอะไรมาก เน้นแนวทางการออกแบบเหมือนเดิมคือ ให้พื้นที่ว่างทำงาน โดยปรับเปลี่ยนอารมณ์เล็กน้อย จากเดิมที่ใช้ภาพตัวเครื่องสีสวย ๆ ชัด ๆ เต็มหน้ากล่อง กลับมาใช้ภาพโครงไอโฟนแบบไม่มีรายละเอียดใด ๆ แทน ให้ความรู้สึกสะอาด ทันสมัย ไม่ซ้ำใคร แถมยังทำให้รู้สึกน่าค้นหากว่าเดิม
ข้างกล่องระบรุ่นว่าเป็น iPhone โดยใช้สีตัวอักษรเป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง คือ เงิน ดำ และ ทอง
ไม่มีการระบุรุ่นว่าเป็น 6 หรือ 6 Plus แต่อย่างใด
หากยังไม่ชัวร์ว่าเราซื้อถูกรุ่น ถูกสีหรือเปล่า พลิกหลังกล่องดูฉลากได้เลย บอกทั้งรุ่น ความจุ สี และ รหัสต่าง ๆ ที่จำเป็น
เปิดกล่องออกมา น้องไอโฟน ก็นอนแน่นเต็มกล่องอย่างคลาสสิค เพราะนางเป็นต้นแบบให้ทุกยี่ห้อบนโลกนี้ก๊อปการจัดวางกล่องที่ประหยัดที่ สะดวกในการขนส่งที่สุดในสามโลก
สมัยนั้น ลุงจ๊อบส์ เค้าคิดมาอย่างดีว่าต้องให้ฝาปิดแล้วกี่วินาทีจึงจะปิดสนิท ลังนึงแพ๊คได้กี่เครื่อง ค่าขนส่งเท่าไหร่ เพราะไอโฟนส่งทางเครื่องบินเหมาลำนะจ๊ะ
โอ๊ยยย เยอะแยะไปหมด ลุงแกละเอียดอย่างเว่อร์ แต่นั่นก็ทำให้ “ไอโฟน” เป็นปรากฏการณ์ที่พลิกชีวิตสมาร์ทโฟนแห่งทศวรรษนะครับ
อุปกรณ์ในกล่องก็เบา ๆ ไม่มีอะไรมาก ใครใช้ไอโฟนรุ่นอื่น ๆ อยู่คงรู้ดีเพราะเค้าให้มาแค่
- ตัวเครื่อง
- หูฟัง EarPod
- สายดาต้า
- หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- ที่จิ้มซิม
- สติ๊กเกอร์โลโก้ Apple
- เอกสาร + Quick Start guide
หูฟัง EarPod สีขาวสะอาดตา นวตกรรมการออกแบบหูฟังขั้นเทพที่เป็นต้นแบบให้หลายแบรนด์ดำเนินรอยตาม ใส่สบาย เสียงดี และ โคตรทน
สายดาต้า หรือ สาย Lightning cable เอกสิทธิเฉพาะ iOS เท่านั้น เพราะเป็นสายไม่คบกับใคร ไม่มีใครคบ เพราะหัวไม่เหมือนชาวบ้าน ไปไหนมาไหนยืมใครชาร์จไม่ได้ แถมบรรดาสายที่วางขายกันตามท้องตลาดกว่าครึ่งไม่สามารถใช้ได้ เพราะ แอปเปิ้ล แกแล่นฝังชิพลงไปในสายเพื่อดักของปลอม
งานนี้กะกินรวบตามสไตล์ลุงจ๊อบส์
หัวปลั๊กชาร์จไฟบ้านที่นำมาต่อกับสายดาต้าเพื่อชาร์จ
ที่จิ้มถาดใส่ซิมอันคุ้นเคย ส่วนมากผมไม่ค่อยได้แกะออกมาใช้หรอก นอนคากล่องแบบนี้ยาว ๆ เพราะใช้ลวดหนีบกระดาษจิ้มแทน หาได้ตามโต๊ะทำงานทั่วไป เพราะถ้าหายทีโดยหลายร้อย O_o!
สติ๊กเกอร์ และ เอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ (ตัวหนังสือเล็ก ๆ ด้วย)
ทีนี้มาดูตัวเครื่องสวย ๆ กัน
iPhone 6 หน้าจอเรติน่า ขนาดเบิ้ม 4.7 นิ้ว คมชัด สวยงาม ใหญ่ชัดเจน โดนใจสุด ๆ
ด้านหน้าเรียบหรูสไตล์ไอโฟนกับการออกแบบขั้นเทพที่ทำอะไรก็ดูดีไปหมด (ยกเว้น iPhone 3G / 3GS)
ด้านหลังเรียบ ๆ เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงที่สามารถบิดงอได้หากออกแรงมากพอ และ ทำได้อย่างถูกต้องอย่างที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง
กล้องเทพ iSight 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรช LED 2 ดวง สีขาว 1 และ สีส้ม 1 เพื่อช่วยเกลี่ยแสงให้การถ่ายโดยใช้แฟรชแล้วหน้าไม่แบน
แต่เอ๊ะ….สมาร์ทโฟนในตลาดโลกเค้าไป 16 ล้านกันหมดแล้วนะเฮีย
ไม่เป็นไรหรอก แอปเปิ้ล เค้าอินดี้ไม่แคร์ใครอยู่แล้ว ใครจะทะลุไป 20 ล้าน เฮียไม่สน เฮียสนแต่ว่า 8 ล้านของข้าฯ มันชัด และ ให้สีธรรมชาติกว่าพวกเอ็งแล้วกัน 555
มันคือเรื่องจริง เพราะกล้อง ไอโฟน ชัดที่สุด สวยที่สุด…..ผมขอยืนยัน ใครไม่เชื่อไปดูบทความที่ก๊อปจากนอกได้ iPhone 6 / 6 Plus ปะทะ iPhone 5s วัดด้วยวิวเทพ ๆ ที่ Iceland
ขอบสันรอบตัวเครื่องเปลี่ยนจากเหลี่ยม ๆ สัน ๆ น่าเกลียด ๆ มาเป็นขอบโค้งมนสวยงาม แต่แลกมาด้วยความลื่น เวลาจับถือของโค้งทำให้ถือสบาย ไม่รู้สึกใหญ่เทอะทะ
แต่เวลาใช้งาน ขยับนิ้วจิ้มโน่น นั่น นี่ ของโค้งนี้กลับทำให้เครื่องลื่นหลุดมือง่าย แนะนำให้หาเคสใส่ด่วน ๆ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องได้ปุ่ม Power ที่ถูกย้ายจากด้านบนมาไว้ด้านข้างเพื่อความสะดวกในการกด เนื่องจากตัวเครื่องใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางของ ซัมซุง นั่นเอง
ถัดลงไปด้านล่างจะเป็นช่องใส่ซิม ซึ่งต้องใช้ที่จิ้มซิมดันถาดออกมาเพื่อใส่ซิมแบบ Nano Sim
ด้านขวาของตัวเครื่องจากบนลงมาเป็นปุ่มปิดเสียง ถัดลงไปเป็นปุ่มปรับเพิ่ม – ลดเสียง ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ปุ่มแยกจากกัน ไม่ได้เป็นปุ่มยาว ๆ อีกต่อไป
ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องใส่หูฟังขนาด 3.5 มม. มาตรฐานเดียวที่ไอโฟนสามารถใช้ร่วมกันคนอื่นได้ 555
ตรงกลางเป็่นช่อง Lightning เอาไว้ซิงค์ไอจูน และ ชาร์จแบต ถัดไปเห็นเป็นรู 6 รูนั่นคือลำโพงเสียงภายนอก
ด้านบนของตัวเครื่องเรียบหรูดูดี ไม่รก แต่บอกตรง ๆ นะว่าอยากได้ช่องเสียบหูฟังมาไว้ด้านบนมากกว่า
ด้านหน้าส่วนบนเป็นกล้องความละเอียดไม่ยอมบอกตรง ๆ บอกแค่ HD Facetime ซึ่งสรุปแล้วกล้องหน้ามีขนาดเพียง 1.2 ล้านพิกเซล เท่านั้น
ปุ่มโฮมพร้อมระบบจดจำลายนิ้วมือที่เห็นคนไทยน้อยคนนักที่ใช้ความสามารถนี้ อาจเป็นเพราะความแม่นยำที่น่ารำคาญกว่าการใส่รหัสเฉย ๆ ที่ทำให้เราไม่ใช้ระบบนี้ ปีนี้มาดูกันว่าเค้าพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิมหรือไม่ ดูไม่ยาก หากมันจำนิ้วแม่ผมได้ถือว่าสอบผ่าน 555
วงแหวนรอบปุ่มโฮมนั้นจะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง
หน้าจอขนาดนี้ผมว่าเหมาะกับคนส่วนใหญ่ เพราะนิ้ว “เอื้อม” ไปแตะส่วนต่าง ๆ ของหน้าจอได้ง่ายกว่ารุ่น 5.5 นิ้ว เพราะการใช้งานของ iOS นั้นปุ่มย้อนกลับ และ คำสั่งต่าง ๆ จะอยู่มุมบนของจอซะเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับแอนดรอย์ที่มีปุ่ม 3 ปุ่มอยู่ด้านข้าง ทำให้การใช้งานจอใหญ่ ๆ บนแอนดรอย์มีปัญหาน้อยการ
รอชมรีวิวภาคกล้องถ่ายรูป พร้อมปะทะ Samsung Galaxy Note 4 ที่นี่เร็ว ๆ นี้จ้า
ทิ้งท้ายกันไว้ด้วยขนาดเปรียบเทียบ iPhone 6 vs iPhone 6 Plus ที่กำลังอัพเดทเวอร์ชั่น iOS 8.1 ผ่านไวไฟอยู่
ขอให้มีความสุขกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ