ลังเลว่าจะเอา Note 4 หรือ เพิ่มเงินไปออก iPhone 6 Plus ดีหล่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การใช้งานจริงให้ฟังว่ามีข้อดีข้อด้อยอย่างไรบ้าง
Note 4 หรือ iPhone 6 Plus ดีครับ…….
คำถามที่คาใจเพื่อน ๆ หลายคน และ มันเป็นคำถามที่คำตอบนั้นแพงมาก เพราะ Note 4 เครื่องนึงปาเข้าไป 25,900 บาท ส่วน iPhone 6 Plus ก็ล่อไปสามหมึ่นกว่าบาท เลือกพลาดทีนึงบอกเลย บาดแผลเหวอะหวะกันทีเดียว
ผมซื้อมาลองทั้ง 2 เครื่องเลยเอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง และ ขอเทียบเฉพาะ iPhone 6 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้วนะครับ ไม่ขอเทียบกับ iPhone 6 รุ่นจอ 4.7 นิ้ว เพราะเครื่องนั้นผมไม่ได้ใช้เอง เป็นภรรยาใช้
ดังนั้นข้อคิดเห็นในบทความนี้จำกัดเฉพาะ iPhone 6 Plus เท่านั้น…..เริ่มกันเลย
หน้าตาตัวเครื่อง
ภายนอกของตัวเครื่องมีความต่างกันหลัก ๆ ดังนี้
- iPhone 6 Plus ทำจากวัสดุโลหะอลูมีเนียมทั้งตัวขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมหน้าจอ Retina 5.5 นิ้ว
- Note 4 ขอบตัวเครื่องทำจากโลหะอลูมิเนียม ฝาหลังพลาสติคปั๊มลายหนัง เปิดฝาหลังเปลี่ยนแบต ใส่ซิม และ เพิ่มเมมโมรี่ได้ หน้าจอ Super Amoled 5.7 นิ้ว
- ขนาดทั้งคู่เกือบจะเท่ากันโดย iPhone 6 Plus ตัวเครื่องยาวกว่า แต่ Note 4 หนากว่าเล็กน้อย
จัดการถ่ายภาพคู่ชัด ๆ ทุกมุมมองมาให้พิจรกณา
แอบบอกว่าเนื้อโลหะของ iPhone 6 Plus ของผมนิ่มกว่าที่คิด ส่วนที่เคสไม่ได้คลุมตรงเหนือรูเสียบสายชาร์จ และ ใกล้ ๆ ลำโพงเป็นรอยซะแล้ว
การแสดงผลหน้าจอที่ต่างฝ่ายก็ออกมาบอกว่าตนเองดีกว่านั้น ผมขอพิสูจน์กันด้วยภาพถ่ายด้านบนแล้วกัน แสดงภาพเดียวกันที่ถ่ายด้วย Canon 100D แล้วย่อไฟล์เอาไปใส่ทั้ง 2 เครื่อง
จุดหนึ่งที่สังเกตุได้เลยคือ iPhone 6 Plus ให้สีเป็นธรรมชาติกว่า และ สว่างกว่าเล็กน้อย แต่ Note 4 ให้สีสด และ จัดจ้านกว่า
สมรรถนะ
สำหรับสเปค คงไม่ขอพูดถึง เนื่องจากใช้ระบบปฏิบัติการต่างกัน ความต้องการของสเปคตัวเครื่องต่างกัน โดยเฉพาะ iOS นั้นไม่ต้องการซีพียู และ แรม รุนแรงเท่ากับแอนดรอย์ ก็สามารถทำงานได้เท่าเทียมกัน ซึ่งจากการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันแบบของผม ที่ไม่เน้นเล่นเกมแต่ใช้แอพฯ แทนนั้น ยังรู้สึกได้ว่าการทำงานของทั้ง iPhone 6 Plus และ Note 4 ต่างกันไม่มาก
ตรงนี้ ซัมซุง ทำการปรับแต่งตัวเครื่องมาได้ดีมาก ๆ สำหรับ Note 4 ที่การตอบสนองเร็วกว่า Note 3 อย่างเห็นได้ชัด ยิ่งมาเจอ iOS8 ที่แอบทำงานช้าลงนิดหน่อยบนหน้าจอ 5.5 นิ้วแล้ว ผลการใช้งานจึงแทบกินกันไม่ลง
คุณภาพกล้อง
ตัวอย่างภาพจาก iPhone 6 Plus และ Note 4
แต่ละตัวก็มีดี มีด้อยต่างกันไป ผมมองว่า iPhone ให้สีที่เป็นธรรมชาติอย่างที่ตาเราเห็นมากกว่า ลูกเล่นแม้จะน้อยแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน ขณะที่ Note 4 ให้สีจัดจ้านกว่าความเป็นจริง ภาพที่ดูชัดแต่ซูมลึก ๆ (ลึกแบบคนธรรมดาไม่ดูกัน) iPhone 6 Plus จะคมกว่า
การละลายหลังทำได้ดีพอกัน แต่ Note 4 ตัว Ironman สีสดกว่าเลยทำให้ภาพดูมีมิติมากกว่า
ใครอยากดูละเอียดตามไปดูรีวิว
รีวิวกล้อง iPhone 6 ชน 6 Plus ปะทะ Galaxy Note 4 ใครจะอยู่ใครจะไป
การใช้งานกับความลงตัวของชีวิต
อ่านมาถึงตอนนี้คงสามารถพูดได้ว่า ทั้งตัวเครื่อง สเปค สมรรถนะนั้นต้องบอกว่า…ดีแทบไม่ต่างกันเลย ดังนั้นคงเหลือแต่ระบบปฏิบัติการ และ การใช้งาน บนหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วน่าจะเป็นตัวแปรที่จะช่วยเพื่อน ๆ ตัดสินใจระหว่าง 2 รุ่นนี้ได้
เริ่มจากหน้าแรก หรือ หน้าโฮมของทั้ง 2 เครื่อง Note 4 ฝั่งซ้ายมี Widget ให้เล่นมากมาย สร้างความสะดวกในการใช้งาน แถมยังสามารถวางไอค่อนในจุดต่าง ๆ เพื่อไม่ให้บัง wallpaper สวย ๆ ของเราพร้อมนาฬิกาใหญ่ ๆ เหมาะกับคนตาดี อิ อิ อิ
ไอโฟนเน้นสวย สะอาดเรียบร้อยใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน
แล้วการใช้งานต่าง ๆ หล่ะ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ผมขอหยิบบางส่วนที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนมาฝาก
เริ่มจากจุดที่สังเกตุได้ทันทีเมื่อเริ่มใช้งานคือ หน้าโทรศัพท์
สำหรับ iPhone 6 Plus นั้นปุ่มจะอยู่กลางหน้าจอ ต่างกับ ซัมซุง ที่เอาปุ่มมาชิดขอบจอล่าง ทำให้การกดแป้นโทรศัพท์ทำได้สะดวกกว่า สังเกตุจากภาพด้านบนจะเห็นเลยว่ามือใหญ่ ๆ ของผมยังกดเลข 2 ไม่ถึงถ้าจะพยายามเอาอุ้งมือรองรับตัวเครื่องเอาไว้ ต้องเขยิบมือขึ้นไปอีกนิดจึงจะกดได้แต่ก็เสียวกับการทำเครื่องหลุดมือ ดีนะที่ตอนนี้ใส่เคสซิลิโคนแล้ว หนึบมือไม่มีหล่น
ในทางกลับกัน ซัมซุง เอาแถบต่าง ๆ ไปไว้ด้านบนสุด ทำให้เวลาจะเลือกดู รายชื่อ ประวัติการโทร และ เบอร์โทรใช้บ่อยค่อนข้างลำบาก ถ้าจะใช้งานมือเดียวต้องเลื่อนมือให้ถือที่กลางเครื่องจึงจะกดถึง ในขณะที่ iPhone เอาไว้ล่างสุดเข้าถึงได้ง่ายกว่า
การโทรออกจากหน้าประวัติการโทร / call log นั้น ไอโฟน ใช้ง่ายว่าเพราะแตะที่ชื่อ หรือ เบอร์ในรายการก็โทรออกทันที ซัมซุงใช้เลื่อนบนชื่อแทนทำให้ใช้ไม่ค่อยสะดวกนักเวลารีบ ๆ แต่ในความไม่สะดวกนี้มีลูกเล่นให้เราเลื่อนเพื่อส่ง sms ได้ด้วย….ว่าแต่เดี๋ยวนี้ยังส่ง sms กันอีกเหรอ?
calendar หรือ ปฏิทินตารางนัดหมายสำหรับผม และ คนทำงานส่วนมากสำคัญมาก มันต้องง่าย เข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงนี้ Note 4 รวมถึงซัมซุงทุกรุ่นทำได้ดีกว่า iOS เยอะ ดูจากภาพด้านบนจะเข้าใจ ยิ่งคนที่ชอบจดตารางชีวิตเอาไว้ในปฏิทินจะรู้เลยว่า iOS ไม่ตอบโจทย์ ไอ้ปฏิทินหน้าตาแบบนี้ใช้มา 7 ปียังไม่คิดจะเปลี่ยน
ต่างกับของ ซัมซุง ซึ่งเท่าที่ใช้แอนดรอย์มา ซํมซุง เป็นยี่ห้อเดียวที่มีปฏิทินแบบนี้เป็น widget โดยไม่ต้องลงแอพฯ เพิ่มเติม ทำให้การวางแผนชีวิตต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
โทรด่วน หรือ จะเรียก Speed Dial หรือจะเรียก Favorites ตามภาพด้านบนนั้น บอกเลยว่า Note 4 ทำได้ดีกว่าหลายขุม เพราะแอนดรอย์เค้ามี widget ให้ใช้ เพิ่มคนที่โทรหาบ่อย ๆ ได้เลย แถมยังสร้างเป็นโฟลเดอร์บนหน้าโฮมได้ด้วย
แต่ iOS เพิ่มปรับตัวที่ iOS 8 โดยให้เรากดปุ่มโฮม 2 ครั้งติดกันเพื่อเรียกดูโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่ แล้วที่แถบด้านบนสุดจะเป็นรายชื่อที่เราเพิ่มเป็น Favorites เอาไว้ ใช้ยากกว่าเยอะ แถมอยู่บนสุดอีกต่างหาก เวลาขับรถแล้วกดยากสุด ๆ ….เอ้ย!!! ขับไม่โทรนะจ๊ะ ผมล้อเล่น O_o!
อีกจุดหนึ่งที่หงุดหงิดสุด ๆ กับ iPhone ก็คือการใช้อีเมลล์….เอ๊ะยังไงกัน เค้าใช้กันทั่วบ้านทั่วเมืองไม่เห็นจะบ่นกัน
ผมมันคนเรื่องมาก และ เป็นคนที่หากินผ่านอีเมลเป็นหลักด้วยการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่ผมใช้ประจำคือ เลขาส่งไฟล์แนบมา แล้วผมส่งต่อให้ต่างประเทศด้วยการ forward เมลต่อ หรือ อีกกรณีหนึ่งต้องการส่งเอกสารของลูกค้าให้บริษัท แต่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าคุยอะไรกันในเมล ก็ต้องลบข้อความเดิมทิ้งใช่มั๊ย….เริ่มเห็นภาพหรือยังครับ
ดูภาพด้านบนสิ เมลของซัมซุงสามารถเลือกติ๊กได้ว่าจะ forward แบบเอาข้อความต้นฉบับหรือไม่ xenon_art จัดการติ๊กไม่เอาข้อความต้นฉบับ แล้วเริ่มบรรจงแต่งเมลใหม่พร้อมไฟล์แนบที่เลขาส่งมาให้ ทำเป็นเนียนเหมือนอยู่ออฟฟิส แต่ที่ไหนได้ลั้นลาอยู่ข้างนอก
iPhone เจ้ากรรมดันทำไม่ได้ ต้องแตะต้างแล้วเลือกลบข้อความเดิม ซึ่งไฟล์แนบของ iOS นั้นจะอยู่ท้ายสุดของข้อความ ดังนั้นเราไม่สามารถแตะต้างแล้วเลือก select all เพื่อลบข้อความเก่าได้ เพราะหากทำอย่างนั้นไฟล์ที่แนบมาจะอันตรธานหายไปทันใด หากเมลเดิมมีข้อความสั้น ๆ ก็ไม่เท่าไหร่ หากเป็นเมลโต้ตอบกันหลายครั้งมันจะยาวมากกกกก และ ลบไปลบมาไฟล์แนบหายทุกที
แอพฯ เกมส์
ใช่ครับ iOS มีแอพฯ และ เกมส์ ใน iTunes App Store เยอะกว่าเยอะ อยากได้อะไรมีเกือบหมด สากกะเบือยันเรือรบ แต่ปัจจุบันบอกได้เลยว่า แอนดรอย์ ก็ไม่น้อยหน้าแอพฯ มีให้เลือกใช้งานเพียบ เกมส์ค่ายดัง ๆ มีให้เล่นครบ เพราะปัจจุบันคนใช้แอนดรอย์ มีมากที่สุดในโลก นักพัฒนาเดี๋ยวนี้จึงพัฒนาให้แอนดรอย์อย่างเต็มที่ ต่างกับเมื่อก่อนที่พัฒนาใส่ iOS ก่อน ถ้าดังแล้วค่อนพัฒนาให้แอนดรอย์
สำหรับเกมนั้น iOS ทำงานได้ดีกว่า เปิดเกมได้เร็วกว่า ลื่นกว่า แอนดรอย์ทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับ Note 4 แล้วแม้จะเรียกเกมเร็วกว่า แต่ก็เร็วกว่ากันไม่มากจนไม่ใช่ประเด็นหลักอะไร ส่วนความลื่นนั้นเกมทั่วไปไม่แตกต่าง หากเป็นเกมหนัก ๆ กราฟฟิกเยอะ ๆ ผมก็ไม่ถนัดเลยไม่ได้ทำคลิปวีดิโอมาฝาก
สำหรับแอพฯ มีให้ใช้เยอะไม่แพ้กัน โดยหน้าตาการทำงานจะคล้าย ๆ กัน แต่…..ในความเหมือนก็มีความต่าง แอพฯ เดียวกันแต่เมื่อใช้งานบน iOS กับ Android หลาย ๆ แอพฯ กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
ปล. เวลาจะติดตั้งแอพฯ บนแอนดรอย์ต้องดูให้ดี ๆ แอพฯ ผีที่ดูดข้อมูลโทรศัพท์ของเรามีเยอะมาก เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบของ Google ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ มีกระทั้งแอพฯ ธนาคารปลอมซะอย่างนั้น ต่างกับ iOS ที่คุมเข้มกว่า แอพฯ ที่แอบโจรกรรมข้อมูลเราน้อยจนแทบไม่มี
เล่นเฟสบุ๊คก็ตามภาพด้านบน ซ้ายมือเป็น iPhone 6 Plus ขวามือเป็น Note 4
ตัวหนังสือบน iPhone สวย คม แต่ตัวเล็กกว่าทางฝั่ง Note 4
บางแอพฯ เริ่มเกิดปัญหาซะแล้ว….ภาพด้านบนเป็นแอพฯ pages เอาไว้ดูแลแฟนเพจ เวลาใครโพสคำถามตัวแอพฯ ก็จะเตือน ทำให้ผมสามารถตอบคำถามเพื่อน ๆ ได้อย่างรวดเร็ว (ตามเวลาที่มี)
สิ่งหนึ่งที่ขัดใจมากเมื่อใช้ pages บน iPhone ก็ตามภาพด้านบนที่วงสีแดงไว้ หากเป็น Android การคุยกันจะเป็นแบบแชต อ่านง่าย ติดตามตอบคำถามง่าย
กลับกันที่ iPhone จัดกลุ่มตามชื่อผู้ใช้ ทำให้ต้องมานั่งไล่อีกทีว่าเราคุยอะไรยังไงกัน….เวียนเฮด
อ่านถึงตรงนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่พูดถึงปากกา S Pen ของ Note 4 เลย ที่ไม่ได้เอามาเทียบเพราะ iPhone ไม่มีปากกานั้นเอง ตรงนี้แพ้ไปเต็ม ๆ และ หากคุณติดปากกา S Pen แล้วหล่ะก็ คงเลือกซื้อมือถืออะไรไม่ได้อีกนอกจาก Galaxy Note
บทสรุป
คือเขียนไปเขียนมาเหมือนจะกลายเป็นกระทู้บ่นไอโฟนซะงั้น 555 จริง ๆ ตั้งใจเปรียบเทียบให้เห็นว่ามันต่างกันยังไงมากกว่า และ เนื่องจากการใช้งานมันลื่น มันเนียนพอกัน แอพฯ เกมส์ ก็มีเหมือน ๆ กัน เลยหยิบเอาจุดต่างที่รู้สึกได้ทันทีของคนที่เปลี่ยนจาก Note 4 มาเป็น iPhone 6 Plus มาพูดมากหน่อย และปิดท้ายด้วยสรุปข้อดีข้อเสียสั้น ๆ ของทั้ง 2 รุ่นตามอารมณ์ของผมดังนี้
iPhone 6 Plus
ข้อดี
- การใช้งานเสถียร
- แบตอึด
- จอสบายตา
- กล้องถ่ายแล้วได้ภาพเหมือนของจริง
- แม้ไม่มี widget เหมือนแอนดรอย์ แต่ก็เปิดช่องให้นักพัฒนาเขียนเแอพฯ ใส่ได้มีทั้งฟรี ทั้งเสียเงิน
- GPS จับสัญญาณดีกว่า และ ไม่กินแบต
- เคสมีให้เลือกเยอะ….เอ๊ะเกี่ยวหรือเปล่า
ข้อด้อย
- ใช้งานมือเดียวยากกว่า
- การทำงานหลาย ๆ อย่างไม่คล่องตัว ต้องหาแอพฯ มาลงเพิ่ม
- สายดาต้าของเทียมบางยี่ห้อใช้ไม่ได้
- ระบบปิดทำให้ไม่สะดวก จะเอาไฟล์อะไรใส่เครื่อง ต้องเชื่อมต่อผ่าน iTunes บนคอมเท่านั้น แถมต่อกับคอมหลาย ๆ ข้อมูลอาจหายได้
Note 4
ข้อดี
- การใช้งานต่าง ๆ สะดวกแทบไม่ต้องลงแอพฯ เพิ่ม
- ลูกเล่นเยอะแพรวพราว
- กล้องหน้า และ หลังใหญ่กว่า
- มี Multi Window ที่ล้ำสมัยกว่า ทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน
- มีปากกา S Pen ที่ไร้คู่แข่ง
- กล้องหน้าเทพกว่าเยอะ
- หาอุปกรณ์เสริมง่ายกว่า จะแพงจะถูกหนูรับหมด
- มี Power Saving Mode ทำให้ยืดอายุแบตเตอรี่แบบจำกัดการใช้งานแอพฯ
- โอนถ่ายไฟล์ง่าย คบกับคอมได้ทุกเครื่อง
ข้อด้อย
- แบตไม่อึดเท่า iPhone 6 Plus
- จับสัญญาณ 3G/4G ไม่แรงเท่า iPhone แถมไปจีนมักจะได้แต่ Edge มาใช้
- Wifi จับสัญญาณไม่แรงเท่า iPhone และ หลาย ๆ ครั้งไม่สลับสัญญาณให้
- มีเคสให้เลือกซื้อน้อยกว่า….แหม ยังไม่เลิกเล่นเรื่องเคสอีก อุ อุ อุ
ทีนี้คำถามสำคัญคือ อะไรดีกว่ากัน จะซื้ออะไรดี
บอกได้คำเดียวว่า ดีทั้งคู่ แต่จะใช้งานคุ้มค่าสำหรับคุณหรือเปล่า คุณต้องถามตัวเองว่าต้องการใช้งานแบบไหน และ มือถือตัวไหนตอบโจทย์มากกว่ากัน
หากคุณเน้นเล่นเป็น มัลติมีเดียโฟน คือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และ ใช้ทำงานบ้าง หรือ ทำงานที่เป็นประมาณถ่ายรูปโพสขายของผ่านเน็ตที่ต้องการความแม่นยำของรายละเอียดสินค้า พร้อมแบตอึดมาก….iPhone 6 Plus คือคำตอบ
หากคุณเน้นใช้งานง่าย เข้าถึงทุก ๆ อย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซื้อมาชาร์ตแบต ใส่ซิม แล้วใช้ได้เลย การใช้งานมือเดียวที่ดีกว่า แถมมีปากกาชั้นเทพแล้ว….Note 4 คือคำตอบ
ส่วนตัวผม สัปดาห์แรกที่ใช้ iPhone 6 Plus บอกกับตัวเองเลยว่า “มันไม่ตอบโจทย์” การใช้งานของผม แถมต้องเสียเวลา 2 – 3 วันในการหาแอพฯ มารองรับการใช้งานที่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่ Note 4 ไม่ต้องทำอะไรเลย ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ชิน
ผมเก็บไว้ใช้งานทั้ง 2 เครื่อง แต่ใช้ iPhone 6 Plus เป็นเครื่องหลัก เพราะเมื่อมันดีทั้งคู่ และ เราแก้ไขจนสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้แล้ว ผมก็เลือกเครื่องที่กำลังเห่อที่สุด….แค่นั้นเอง
เดี๋ยวหายเห่อของใหม่ หรือ เริ่มเกลื่อนเมืองคงต้องมาพิจรณากันใหม่ว่าจะใช้ตัวไหนเป็นเครื่องหลัก
หากเพื่อน ๆ ที่อ่านจนถึงตรงนี้แลัวยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี บอกสั้น ๆ เลย….ตัวไหนถือแล้วรู้สึกดี ซื้อตัวนั้นครับ ^^
ย้ำกันอีกครั้งว่าทั้งหมดที่เล่ามา มาจากความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ บางอย่างจะมีคนเห็นต่าง หรือ ไม่รู้สึกว่าปัญหาของผมเป็นปัญหา หลายคนอาจมองว่าผมเปรียบเทียบไม่ครบ ซึ่งบอกตรงนี้ว่าถ้าเทียบกันครบกันทุกเม็ดผมพิมพ์มือหงิก และ ท่านอ่านตาแฉะแน่นอน เลยยกบางประเด็นมาพูดเท่านั้น
แวะมาแชร์การใช้งาน ติชมทั้ง 2 รุ่นได้ตามอัธยาศัย ขออย่างเดียว ติชม อย่างมีเหตุผล และ สุภาพนะจ๊ะ
ปล. เคยมีคนเม้นต์ว่าผมเป็นสาวกผลไม้บ้าง เป็นสาวกซัมซุงบ้าง บอกตรงนี้ดัง ๆ ว่า ผมเป็นสาวกทุกค่าย รวมทั้ง บีบี ด้วย ทำรีวิวเพื่อประโยชน์ของทุกคน…..อย่า “มโน”
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
สอบถามหน่อยครับ หน้า call ของ SS สามารถปัดซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยน tab เป็น recent call หรือ contact ได้ไหมครับ
ไม่ได้ครับ เสียดายมากไม่งั้นใช้ง่ายกว่านี้
ทำได้คับ ต้องเข้าไปตั้งค่า จิงๆแล้วมันทำได้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครรู้คับ
ชอบรีวิวพี่มากเลยค่า 🙂
ขอบคุณมากครับ ^^