ไม่เคยเขียนรีวิวร้านอาหารในไทยเลย โพสนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ xenon_art จะพาไปชิมของอร่อย ๆ ที่อื่นนอกจาก ฮ่องกง บ้าง
วันนี้ขอแนะนำบุฟเฟ่ต์ดี ๆ บรรยากาศสวย ๆ ที่พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ในราคามื้อค่ำเพียงพันต้น ๆ เท่านั้น
น่ากินแค่ไหน มีอะไรกินบ้างกับราคาเพียงเท่านี้หนอ….
เรื่องของเรื่องคือวันก่อนลูกชายเกิดอยากทานบุฟเฟ่ต์ขึ้นมากระท้นหัน และ ดันตรงกับช่วงอาทิตย์สุดท้ายขอปี 2555 …..ใคร ๆ เค้าก็ออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน
โรงแรมที่ไปใช้บริการประจำอย่าง Hyatt Erawan ก็แน่นเอี๊ยด จะกลับไปซบอกโรงแรมที่ “เคย” ใช้บริการอย่าง Centara ก็ยังเต็ม…..ยุ่งหล่ะสิงานนี้
ระหว่างทางขับรถกลับบ้านก็ผ่านโรงแรม Sofitel So ซึ่งเคยเข้าไปครั้งหนึ่งเมื่อตอนไปร่วมงานเปิดตัว HTC One X สมาร์ทโฟนแอนดรอย์ตัวเก่งจากค่าย HTC เจ้าพ่อสมาร์ทโฟนในอดีตที่คาดว่าปี 2556 นี้จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากตกลงเรื่องสิทธิบัตรกับ Apple ได้เมื่อปลายปีก่อน โดยข้อตกลงนี้จะทำให้ HTC สามารถใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ในสมาร์ทโฟนตัวเองได้มากขึ้น และ หลากหลายขึ้น เรียกว่า สมาร์ดโฟนของ HTC จะทรงพลังขึ้นกว่าที่ผ่านมา เราก็มารอชมกันว่า HTC จะพลิกสถานะของตัวเองในตอนนี้ได้หรือไม่
ระหว่างรอดู HTC เราก็มากิน กิน กิน กับ xenon_art ไปก่อนนะ
จากที่เคยไปงาน HTC ก็พอรู้ว่า โรงแรม Sofitel So นั้นเป็นบูติกโฮเทลเก๋ ๆ ขนาดโรงแรมไม่ใหญ่ แต่บรรยากาศสวยประทับใจมาก ตอนนั้นยังคิดว่าจะพาครอบครัวมาทานอาหารสักครั้ง แต่สุดท้ายลืมซะง้้น
ที่นี่มีร้านอาหารเด่น ๆ อยู่ 2 ร้าน แต่วันนี้ขอพาไปชิมบุฟเฟ่ต์ที่ Red Oven ตั้งอยู่ชั้น 7 ของโรงแรม ยังมีอีกห้องอาหารแบบอาหารตามสั่งวิวสวย ๆ อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าโรงแรม ไว้ถ้าได้ไปจะมารีวิวซ้ำนะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การรีวิว และ คะแนน ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนประสบการณ์ “กิน” ของผมล้วน ๆ และ ให้คะแนนตามความชอบส่วนตัวสุด ๆ ดีก็ชม ไม่ดีก็ติไปตามเรื่อง
ผมไม่ได้เรียนเรื่องอาหารมา ไม่ใช่เซียนเรื่องกิน แต่ชอบตระเวนพาครอบครัวไปทานของอร่อย ๆ เท่านั้น ใครตามรอยผมไปกิน บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง
Red Oven
ประเภทอาหาร: บุฟเฟ่ต์นานาชาติ
ที่ตั้ง: ชั้น 7 โรงแรม Sofitel So กรุงเทพ โทร 02 624 0000 ต่อห้องอาหาร Red Oven
คุณภาพอาหาร: 8/10
บริการ: 9/10
Sofitel So ตั้งอยู่บริเวณเกือบหัวมุมถนนสาทร ตัด พระราม 4 สามารพเข้าได้ทั้ง 2 ทั้ง หาเข้าทางสาทรมุ่งหน้าพระราม 4 – ถนนวิทยุ จะอยู่ก่อนถึงแยกสะพานไทย-เบลเยี่ยมประมาณ 100 เมตร
หากเข้าทางพระรามสี่ มาจากสีลมให้กลับรถใต้สะพานไทย-เบลเยี่ยม กลับรถปุ๊ป ก็เจอโรงแรมเลย
หากมาจากทางคลองเตยมุ่งหน้าสีลม ห้ามขึ้นสะพานไทย-เบลเยี่ยมเด็ดขาด เพราะจะเลย ให้ผ่านสี่แยกไฟแดงไปประมาณ 100 เมตรเช่นกัน
ราคา: สอบถามกับทางโรงแรมอีกทีนะ แต่สิ้นเดือนธันวาคมที่ผมไปทาน มือค่ำถ้าจำไม่ผิด 1,100 บาท มื้อกลางวัน 9 ร้อยกว่าบาท ไม่รวม service charge และ VAT เครื่องดื่มไม่รวมในบุฟเฟ่ต์ แต่ราคาน้ำดื่มไม่โหด ขวดละ 40 บาท ไวน์แก้วละ 190 เบียร์ 300 บาท
แผนที่โรงแรมแบบชัด ๆ
ออกจากลิฟท์มาที่ชั้น 7 เดินเข้าห้องอาหาร Red Oven มาก็จะเจอเตาทำอาหารที่ตกแต่งด้วยสี “แดง” สมชื่อ “Red Oven” จริง ๆ
ความเก๋ของที่นี่คือ เค้าจะปรุงอาหารที่ เตาสีแดง นี้กันสด ๆ แล้วทิ้งไว้ในกระทะให้ตักกันเลย ทำทีละไม่มาก พอหมดก็ทำใหม่ ได้อาหารที่สดเสมอ แถมสนุกคนกินอีกด้วย
ในภาพกำลังทำผัดซี่อิ๊วอยู่
มุมอาหารไทย
มีทั้งซุป ทั้งเปาะเปี๊ยทอด อาหารฝรั่ง และ กระติ๊บข้าวเหนียวด้วย
ส้มตำ ลาบ และ ยำวุ้นเส้น ขนาดถ้วยพอดี ๆ สวย ๆ ไม่เละเทอะ
มุมนี้โดนนนนนนน ขาปูอลาสก้า……….อยากกินพอดี อิ อิ อิ
ราคาพันนิด ๆ ได้ขาปูอวบ ๆ แบบนี้ ไม่แพงเลยครับ
ขาปูเนื้ออวบ อร่อยสุดบรรยาย คืนนั้นจัดไป 4 รอบ แทบเดินตะแคงแบบปูออกจากร้านเลย 555
มุมอาหารเก๋ ๆ อีกมุมหนึ่ง
ด้านหลังของภาพเป็นมุมขนมปัง และ เนยประเภทต่าง ๆ
ถัดมาอีกนิดจะเป็นมุมโชว์ไวน์ต่าง ๆ พร้อมโต๊ะทรงสูงแบบบาร์ ฝรั่งชอบนั่งกัน
นอกจากอาหารหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ไทย ฝรั่ง และ ญี่ปุ่น (ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) แล้ว มุมของหวานบอกได้เลยว่า เยอะ และ อลังการที่สุดเท่าที่ผมเคยไปทานบุฟเฟ่ต์มาเลย
ปกติบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรมต่าง ๆ มักจะมีไอศครีมอยู่แล้ว อย่าง Hyatt Erawan มี 5 – 6 รสชาติ ก็ว่าเทพล่ะ
แต่………….Red Oven มีให้เลือกเป็นตู้เลยครับพี่น้อง…..แถมด้วยเครื่องปรุงหน้าอีกเพียบบบบบบ
เฉพาะมุมนี้ก็เหมือนร้านไอศครีมทั่วไปแล้วครับ ไม่เหมือนบุฟเฟต์เลย สุดยอดจริง ๆ
นอกจากตู้ไอศครีมสุดอลังการแล้ว ติดกันเป็นตู้เค้ก………..โอ้ววววว นี่มันสวรรค์ของคนชอบของหวานเลยนะเนี่ย
ดูจากภาพ ก็คงไม่ต้องบรรยายแล้วมั๊งว่าเยอะขนาดไหน
นอกจากเค้กในตู้แล้ว รอบ ๆ ตู้ก็จะมีของหวานอื่น ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็น เครป น้ำแข็งใส ลอดช่อง ลาวาเค้ก ป๊อปคอร์น สายไหม โอย เยอะไปหมด
ใครอยากรู้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองได้เลย ไม่ผิดหวังครับ รสชาตอร่อยจริง ๆ
วันที่ไป ก็ไม่ได้จอง ขับดุ่ย ๆ เข้าไปเลย เจอพนักงานที่หน้าร้าน คาดว่าเป็นผู้จัดการสาวสวย ก็แจ้งว่าขอ 3 ที่ครับ
คำตอบแรกเลยคือ “จองเต็มหมดแล้วค่ะ” แป่วววววว
กำลังจะหันหลังกลับ พนักงานสาวท่านนั้นก็พลิก ๆ ใบคิวจองโต๊ะแล้วก็บอกว่า “เดี๋ยวดิฉัน ลองหาที่แทรกให้ แต่เป็นด้านหลังได้ไหมค่ะ”
โอ้ววว ได้สิครับ เพราะผมว่า Red Oven มุมไหนก็สวยหมดแหละ
สุดท้ายก็ได้โต๊ะนั้ง แบบเป็นโต๊ะยาว ๆ นั้นกันหลาย ๆ คนแบบโรงอาหาร แต่หรูกว่าเยอะ
จริง ๆ ส่วนของโซน A หรือ โซนหลัก จะเป็นกระจกใสขนาดมหึมา เห็นวิวสวนลุมเต็ม ๆ แบบไม่มีอะไรบัง สวยมาก ๆ ครับ แต่เอานะ เราไม่ได้จอง ไว้วันหลังคงต้องมาซ้ำเพื่อนั่งดูวิวสวนลุมให้ได้
ภาพด้นบนเป็นมุมด้านหลังที่ผม และ ครอบครัวไปนั่งทานกัน ลึกเข้าไปเป็นมุมอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งปลาดิบ และ ปิ้งย่าง โดยเราจะได้แผ่นไม้มีเบอร์โต๊ะมา เอาไปให้เชฟ สั่งเรียบร้อยเค้าจะมาส่งถึงโต๊ะเลย
เดินดูกันทั่ว ๆ แล้ว ก็ลงมือกินเลย
บนโต๊ะจะมีขนมบัง และ เนยเก๋ ๆ ให้พร้อม ขนมปังนุ่ม ๆ ผิวกรอบ ๆ โคตรอร่อยครับ
ตั้งท่าจะซัดขาปูอลาสก้า เลยสั่งไวน์ขาวมาจิบสร้างบรรยากาศซะหน่อย 190 บาท ยังไม่รวม service charge และ Vat
โฟกรา (สะกดถูกมั๊ยเนี่ย) หรือ ตับห่านย่าง
นุ่ม ชุ่มลิ้น ล่อไป 2…..ฟินเลย
ญี่ปุ่นเสียบไม้ย่าง ทั้งสองไม้นี่เป็นเนื้อย่าง
สปาเก็ตตี้ก็สั่งได้นะ ชอบแบบไหนบอกเชฟโลด
เปาะเปี็ยทอด กับ ผัดซี่อิ๊ว อร่อยรสชาติไทย ๆ ดี ต่างกับบางโรงแรมที่ชอบทำรสชาติฝรั่ง
ข้าวปั้นหน้าปลาดิบอร่อยเช่นกัน แต่เสียดายไม่มีปลาทูน่าในเมนู แอบเซ็ง
อ่าว…….มันแต่สวาปามขาปูอลาสก้า ลืมถ่ายรูปซะงั้น
ขออภัยครับ ไว้จะไปกินแล้วถ่ายมาฝากใหม่เน้ออออ 555
อิ่มหนำสำราญเรียบร้อย คิดค่าเสียหายเสร็จทางร้านจะนำบัตรเครดิต พร้อมใบเสร็จ ใส่ซองเก๋ ๆ มาให้แบบนี้ครับ น่ารักมาก ๆ
อ้อ ช่วงนี้ บัตรกสิการ แพลตตินั่ม ลด 20% นะครับ ส่วนบัตรอื่น ๆ สอบถามกับโรงแรมอีกครั้งหนึ่ง
สรุปว่าที่ Red Oven อาหารหลากหลายเพียงพอกับความต้องการของเราใน 1 มื้อ บรรยากาศสวยมากมาย แถมพนักงานทุกคนที่บริการก็ยิ้มแย้มแจ่มใส เอาใจใส่ในรายละเอียดจริง ๆ แถมเก็บจานเร็วไม่เกะกะโต๊ะ (และไม่อายชาวบ้านหากเราทานเยอะ 555)
รีวิวร้านอาหารในไทยครั้งแรกของผมก็ขอจบแต่เพียงเท่านั้นครับ ฝากความประทับใจของ Red Oven ไว้ให้เพื่อน ๆ เป็นทางเลือกในการหาอะไรอร่อย ๆ ทานในราคาไม่รุนแรงมาก แต่ได้อาหารดี ๆ บริการดี ๆ กันไว้ครับ
พบกันใหม่คราวหน้า….จะพาไปชิมอะไรดีหนอ