บันทึกท่องเที่ยวของ xenon_art ตอนแรกผ่านสายตาเพื่อน ๆ กันไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้สำหรับคนที่คิดจะตามรอยไปนอนที่ โอไดบะ บ้างคงสงสัยว่านอกจากแหล่งที่เที่ยวของครอบครัวแล้ว มีอะไรอร่อย ๆ กินกันบ้าง
วันนี้ xenon_art จะเล่าให้ฟังว่าไปกินอะไรมาบ้างตามสไตล์เล่ามั่วซั่วตามอารมณ์แต่ละวันที่ใช้เวลาว่างจากงานประจำมาจิ้มแป้นพิมพ์ละกันนะจ๊ะ
ร้านแรกเลยคงไม่พ้นอาหารใกล้ ๆ Toy R Us ที่ต้องพาลูกไปหลายหน โดยวันแรกทีไปถึง Tokyo, Odiaba ก็อย่างทิ้งภรรยา กับ ลูกสาวให้นอนพักที่โรงแรม ส่วนผมพาลูกชายมาลุยช็อป Toy R Us ตกเที่ยงก็หาอะไรง่าย ๆ และ ด้วยความหิวเลยไปจบที่ Aqua Food Court ที่อยู่เกือบจะติดกับ Toy R Us เลย
ป้ายด้านหน้าเล็ก ๆ
ที่นั่งมีจัดไว้ให้พอสมควร แต่หากเจอวันเสาร์-อาทิตย์คงจะไม่ไม่มีที่นั่ง
บรรดาร้านอาหารมากมาย ดูน่ากินทั้งนั้นเลย ต่างกับฟู๊ดคอร์ตบ้านเรายิ่งนัก
ทาโกะยากิ อุ อุ อุ
ส่วนผมมื้อเที่ยงง่าย ๆ แบบกินกัน 2 พ่อลูกจบที่ร้านนี้
ที่จบร้านนี้เพราะลูกชอบเดินเลือกหยิบของกินนั่นเอง (เด็กติดบุฟเฟ่ต์) หน้าตาน่าทานมากมาย
เมนูลูกชายง่าย ๆ เลือกของทอดจากในถาด แล้วสั่งข้าว + ซุบ เพิ่ม แต่ต้องบอกว่า…หากใครจะตามรอย xenon_art ไปกินฟู๊ดคอร์ตแล้วหล่ะก็ ร้านของทอดที่ดูสุดจะน่ากินนี้ให้ข้ามไปครับ เพราะจังหวะไม่ดีเจอเค้าทอดไว้นานแล้วมันไม่กรอบเอาซะเลย
ส่วน คัตสึด้ง ของผมจานนี้รสชาติดีครับ ลูกชายแย่งกินใหญ่ 555
มื้อนี้ก็กลาง ๆ ครับ คงจะเหนื่อยจากการเดินทาง และ นอนน้อยด้วยเลยรู้สึกไม่อร่อยเท่าที่ควร แต่ไม่เป็นไรเพิ่งมื้อแรก เอาง่าย ๆ กันตายไว้ก่อน เดี๋ยวเย็นนี้จัดหนัก 555
วันนั้นทั้งวันวนเวียนอยู่แถว ๆ Aqua City และ Decks / Island Mall ที่เป็นห้าง 2 ห้างมีทางเดินเชื่อมติดกัน อารมร์เหมือน พารากอน กับ สยามดิส โดยหลังหม่ำข้าวเที่ยงแล้วก็พาทั้งครอบครัวไปเที่ยว Legoland Discovery Center ที่ Decks โดยเดินจาก Toy R Us ไปเพียง 10 นาที
ขลุกอยู่ใน Legoland จนเย็น ขาเดินกลับโรงแรมเลยพาภรรยาไปทานร้านเนื้อย่างสไตล์ Yakinuku กับที่ร้าน Heijouen ที่ชื่อร้านเหมือนจะเป็นภาษาเกาหลีซะงั้น
แต่ผมเล็งร้านนี้ไว้ตั้งแต่เที่ยง เพราะม้นอยู่ติดกับ Aqua Food Court นั่นเอง พอตกเย็นครอบครัวพร้อมหน้าก็จัดมือใหญ่ซะหน่อย
ด้านหน้าร้านที่ส่วนหนึ่งติดถนใหญ่ วันเสาร์ – อาทิตย์เดินผ่านคนเพียบเลย ดีนะที่พากันไปกินวันธรรมดา
ที่หมายมั่นปั่นมือจะกินร้านนี้ก็เพราะไอ้รูปเนื้อหน้าร้านอันเบ่อเร่อนี่แหละครับพี่น้อง…เห็นแบบนี้ไม่เข้าได้เหรอ
จากชามสีขาวสวยงาม เดินเหนื่อย ร้อน มาทั้งวันจิบฟองซะหน่อยให้สดชื่น
สำหรับครอบครัวที่มาเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ต้องห่วงนะครับ ร้านอาหารเกือบทุกร้านไม่ว่าเล็ก หรือ ใหญ่ โดยเฉพาะที่ โอไดบะ นี้มีชุดจานช้อน ส้อม สำหรับเด็กไว้คอยบริการแบบไม่ต้องขอ พอเค้าเห็นเด็กปุ๊ปเอามาให้ปั๊ป
บรรดาเมนู และ ราคา…เอา 0.33 คูณเข้าไปเป็นเงินบาท
พนักงานพูกอังกฤษไม่รู้เรื่องตามประสาคนญี่ปุ่น แต่เค้าแนะนำชุดเนื้อ 5 อย่าง ประมาณว่ามันเทพสุด ๆ แถมเป็นโปรโมชั่นด้วยนะเธอว์
แหม….เป็นคนยุง่ายเสียด้วย จัดมา 1 ชุดครับคุณน้อง
เนื้อเสริฟมาอย่างหรู มีเนื้อ 5 ชนิดพร้อมป้ายกำกับทีอ่านไม่ออก แต่ละชนิดมีมาให้ 3 ชิ้น
เนื้ออะไรก็ไม่รู้ จิ้ม ๆ เอาเห็นมันแทรกแบบนี้อร่อยชัวร์
ลิ้นวัวที่ต่างกับบ้านเรามาก ๆ โดยญี่ปุ่นจะแล่มาหนากว่า พร้อมคลุกกระเทียมมาด้วย
สั่งชุดผักรวมซะหน่อยเพื่อสุขภาพ
จัดแจงเอาลงเตาย่างซะ หิวแล้วววววว
Garlic Butter หรือ น้ำมันเนยใส่กระเทียมนี้ภรรยาชอบสุด ๆ สั่งทุกครั้งที่มีโอกาส
วิธีกินไม่ยาก เอาไปตั้งบนเตา รอให้เดือดปุด ๆ แล้วเอาเนื้อที่ย่างได้ที่จิ้มลงไป ใส่ปากแล้วจะได้กลิ่นหอมเนอยกระเทียม เร่งรสชาติเนื้อใด้สุด ๆ ไปเลย แบบนี้ไม่ฟินไม่รู้จะว่าไงแล้ว
สำหรับลิ้นวัวนั้น ที่นี่จะมีซอสมะนาวรสชาติออกเปรี้ยวเตรียมไว้ให้จิ้มเป็นพิเศษ ลิ้นวัวชิ้นหนา ย่างสุกกำลังดีแล้วมาจิ้มซอสมะนาว รสชาติกลมกล่อมสุด ๆ แถมรสเปรี้ยว ๆ ม้น ๆ ของซอสขับรสชาติของลิ้นวัวคลุกกระเทียมได้เป็นอย่างดี
ต้องบอกว่า เห็นรูปแล้วน้ำลายไหลจนแทบอยากจะบินกลับไปกินตอนนี้เลย
สรุปมื้อเย็นกับ Yakiniku นี้ประทับใจกันทั้งครอบครัว อิ่มแบบมีความสุข เดินกลับโรงแรมด้วยรอยยิ้มกันเป็นแถว
ที่สำคัญเดินกินลม ชมวิวสะพาน Rainbow Bridge ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้ว
หากใครชอบทานพวกทงคัตสึ หรือ หมูชุบแป้งทอดแล้วหล่ะก็ ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด เพราะสะดวก อร่อย แถมราคาไม่แพง
โดยร้านนี้อยู่ชั้น 4 (ถ้าจำไม่ผิด) เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปจากชั้น skywalk ไปไม่กี่ชั้น ก็จะเจอกับชั้นร้านอาหารชั้นแรก เดินเข้าไปหน่อยนึงอยู่ซ้ายมือโลด
อย่าถามว่าร้านอะไร…..อ่านไม่ออก แต่หน้าร้านแบบนี้แหละไม่ผิดหรอก แถมโซนนี้มีร้านหมูทอดร้านเดียวเท่านั้น
บรรยากาศสบาย ๆ สไตล์ญี่ปุ่นภายในร้าน
โต๊ะด้านข้างกับวิวสะพาน Rainbow Bridge…ที่ใคร ๆ ก็ชอบนั่งรถมาชมกัน แต่หากพัก โอไดบะ เห็นทุกวันจนเบื่อเลย
เมนูอาหารเที่ยงชุดพิเศษ
เมนูทั่วไป ราคาดีครับ สั่งกันมา 3 ชุดไม่ซ้ำกันจะได้ลองหลาย ๆ แบบ โดยลุกชายเลือกชุดมื้อเที่ยงเพราะเห็นว่าที่เล็กกว่านิดนึง และ ราคาถูกกว่า แต่ถ่ายรูปมาฝากไม่ทันเพราะพอเค้ามาเสริฟปุ๊ป ลูกชายจัดการสอยทันทีด้วยความหิว และ ความน่ากิน
มาแล้วชุดเนื้อสันในหมู น่าทานมั๊ย สุดท้ายลูกชายแย่งชุดนี้ไป ผมเลยต้องกินชุดมื้อเที่ยงธรรมดา หมูบางกว่านี้ ชิ้นเล็กกว่านี้ แง่ม
เนื้อระยะใกล้ จะเห็นได้ว่ามันน้อยว่าที่ไทยเยอะ บ้านเรามันหนาเป็นนิ้ว แต่ที่นี่ติดมันให้พอหอม ๆ พอกินอร่อย
ผักดอกเคียงมาให้แกล้มเล็กน้อย…น้อยจริง ๆ
ชุดของภรรยา มีคอลเก็ตเนื้อ เทนปุระ และ หมูทอดรวม ๆ กันมา
คอลเก็ตใส้เนื้อใส่ชีสมาด้วย ภรรยาทานอย่างเอร็ดอร่อย ผมเลยไม่กล้าไปขอชิม แต่ถามมาแล้วว่าอร่อยจริงอะไรจริง
ร้านนี้ครอบครัวผมลงความเห็นว่าอร่อยว่า ซาโบเต็น ที่มาเปิดสาขาบ้านเราอีก แถมมื้อนี้เช็คบิลมาคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าไปกิน ซาโบเต็น ไม่ต่ำกว่า 1,200 แน่ ๆ
อร่อย มีความสุข แถมรู้สึกดีที่ถูกกว่าบ้านเรา
นอกจากร้านหมูทอดนี้แล้ว ที่ชั้น 3 ก็มีสิ่งน่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนรัก ทาโกะยากิ เพราะมันเป็น Takoyaki Museum
หากเดินขึ้นบันไดเลื่อนจาก skywalk มาชั้นนึงก็จะถึงชั้น 3 เห็นด้านหน้าแบบนี้ไม่ต้องงงไปครับ มันคืองานวัดญี่ปุ่นที่เค้าจำลองงานสมัยโบราณพร้อมเครื่องเล่น และ ร้านค้ามาไว้ในห้าง เดินสบาย ๆ แอร์เย็น ๆ ดูของเก่า ๆ พร้อมเล่นตู้เกมส์เก่า ๆ ที่ไม่คิดว่าจะมาเจอได้อีก
เดินเข้าไปจนสุดงานวัด ก็จะเห็นเรือลำน้อยพร้อม ทาโกะ จังก้าตรงหน้าเรา นั่นแปลว่าถึงแล้วครับ
ด้านในอารมณ์เหมือนฟู๊ดคอร์ต เพียงแต่ความเก๋ของมันคือ ทุกร้านขายแต่ทาโกะยากิ เรียกว่าเป็นแหล่งรวมร้านทาโกะยากิเจ้าอร่อยมาไว้ในที่เดียวกัน พร้อมตบแต่งเป็นธีมเก๋ ๆ เหมือนร้านค้ารถเข็นข้างถนนให้เข้ากับบรรยากาศงานวัดจำลองด้านหน้า
หากใครมีเวลาห้ามพลาดเด็ดขาดขอบอก
มีบริเวณที่นั่งกินพร้อมชิลด์ชมวิวเหมือนเคย สมกับเป็นเมืองพักผ่อนจริง ๆ
มุมหนึ่งมีจัดแสดงกระทะทำทาโกะยากิด้วยนะ เสียดายที่ผมไม่ใช่แฟนทาโกะยากิ เลยไม่ได้ลองลิ้มชิมรสมาบอกเพื่อน ๆ แต่หากใครชอบแล้วได้มีโอกาสไปชิม แวะกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะจ๊ะ
พาไปดูกันมา 3 ร้านในโอไดบะแล้ว อยากสารภาพว่าอยู่เที่ยวในโอไดบะมา 4 – 5 วัน กินบุฟเฟ่ต์โรงแรมไป 2 มื้อเพราะลูกชายอารมณ์อยาก
แถมมีมื้อค่ำที่ซื้อของร้านสะดวกซื้อมากินกันในห้องอย่างสนุกสนาน คืนสุดท้ายเลยจัดหนักปิดท้ายทริป ญี่ปุ่น / โอไดบะ ด้วยร้านสุดหรูบนโรงแรม Grand Pacific Le Daiba ที่พักอยู่นี่เอง
ร้านนี้เป็นเทปปันยากิ ตั้งอยู่บนชั้น 30 ชั้นสูงสุดของโรงแรมที่จะทำให้เราเห็นวิวรอบโอไดบะยามเย็น และ ยามค่ำ พร้อมเนื้ออร่อย ๆ ที่มีเชฟมาปรุงให้ตรงหน้า
อาหารชุดมื้อเที่ยง เก็บภาพมาฝาก
ราคาอาหารชุดมื้อเย็นมีหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละชุดจะมีอาหารไม่เท่ากัน
ผมกับภรรยาเลือกชุดนี้ คนละชุด ราคา 24,000 เยน ส่วนลูกชายกินกับผมไม่ต้องสั่ง (ทำตัวประหยัดอะนะ) โดยชุดใหญ่นี้มีทั้ง ฟัวกรา (ตับห่าน), ขากุ้ง King Crab, กุ้งมังกรครึ่งตัว, ผัดผัก, ข้าวผัดกระเทียม แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่ทำให้ผมพาครอบครัวมาทานก็คือ เนื้อ Yonezawa สุดอลังการ
เหนื่อย ร้อนมาแล้ว 5 วัน ขอจิบอะไรเย็น ๆ ชมวิวให้ผ่อนคลายซะหน่อย
อาหารเรียกน้ำย่อยมาแล้วกับปลาดิบ และ เนื้อเย็น จัดจานสวยแบบญี่ปุ่น
ร้านนี้หรูหรามากมาย เชฟจะรับออเดอร์เรา แล้วหันไปสั่งพนักงานซึ่งสวมชุดทักสิโด้ทางด้านข้าง จากนั้นพนักงานก็นำวัตถุดิบสุดอลังการมาเสริฟให้เชฟปรุงให้พวกเราทาน ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง F4 เมื่อหลายปีก่อน
จริง ๆ ก็อารมณ์เดียวกับ เบนนิฮาน่า แต่ที่นี่จะหรู และ เน้นเงียบในแบบคนญี่ปุ่นจริง ๆ ไม่ได้โลโผนทำภูเขาไฟด้วยหัวหอมให้เราดูกัน
แบบนี้ก็ได้อารมณ์อีกแบบ สบาย ๆ ดีครับผมชอบ
อาหารจานแรกมาล้วกับตับห่านที่ปรุงกันตรงหน้า หอม นุ่ม อร่อยสุด ๆ
จานนี้ผม ฟิน มาก เพระาภรรยาไม่ทาน เราเลยจัดหมดทั้ง 2 ที่ อิ อิ อิ
King Crab กับ Lobster ครึ่งตัวมาพร้อมก้น ปรุงพร้อมกัน
ไอ้เจ้ากุ้งมังกรเค้าผ่าครึ่งมาแต่ขายังกระดิกอยู่เลย จะสดไปไหนนะ เค้ากลัว
ขาปูจักรพรรดิ์ บีบเลม่อนลงไปนิด ขับรสชาติปูแบบนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แถมปูก็สดอย่าบอกใครเชียว
กุ้งมังกรครึ่งตัว ปรุงโดยเชฟหน้านิ่ง ขรึมมาก ๆ แต่ฝีมือดีจริง ๆ อร่อยทุกจานเลย จานนี้ก็เป็นอีกจานที่หอม อร่อยไม่แพ้ใคร เค้าปรุงได้พอดีจริง ๆ ทั้งการควบคุมความสุข การคุมรสชาติไม่ให้มีรสไหนเด่นออกมาเกินไป ทำให้เนื้อกุ้งไม่แข็ง หรือ นิ่มจนเกินไป รสชาติกลมกล่อมชุ่มลิ้น
มาแล้ว ไฮไลท์ของคืนนี้ เนื้อ Yonezawa ชื่อดังของที่นี่ ตัวเนื้อสีชมพู มันแทรกในเนื้อเป็นลายหินอ่อนเรียงตัวกันอย่างสวยงาม
อูยส์……รอชิมไม่ไหวแล้ว
เชพปรุงแบบไฟแลบกันเลยทีเดียว
ดีนะกินมื้อเย็น เสร็จแล้วกลับไปอาบน้ำ สระผมได้ทันที 555
เนื้อที่ปรุงได้ที่ หอม หวานเนื้อจริง ๆ เพราะแทบไม่ได้ใส่เครื่องปรุงอะไรมากเลย เสียดายไม่ได้เอากล้องไป ใช้ไอโฟนถ่ายในที่แสงน้อยภาพเลยได้เท่านี้ จริง ๆ เนื้อสวยกว่านี้เยอะมากกกกกก
ต้องบอกว่า….เนื้อเค้าสุดยอดมาก เกินคำบรรยาย พูดไม่ออก กินแล้วน้ำตาไหลพราก <<<เว่อร์ละนะฮะ
หม่ำเนื้อหมดแล้ว เค้ามีซอสมะเขือเทศสดเตรียมไว้ให้เราเอาขนมปังรองเนื้อมาจิ้มกินด้วยนะครับ แปลกไปอีกแบบ
ข้าวผัดกระเทียม จานนี้กลับเฉย ๆ อาจเป็นเพราะรสเนื้อที่ทำให้ลืมทุกสิ่งอย่างไปก็ได้
แต่ที่แปลกคือ เค้ารอให้เรากินเนื้อเสร็จจึงจะเสริฟข้าวผัดกระเทียม จงใจไม่ให้เรากินพร้อมกันเพื่อให้เราสัมผัสรสเนื้ออย่างเต็มที่
ผลไม้ปิดท้ายรายการกับเมล่อนญี่ปุ่นหวานฉ่ำ มะม่วง และ แตงโมญี่ปุ่นที่หอมหวานต่างจากของบ้านเรา เรียกว่าอร่อยคนละแบบ ได้เปลี่ยนรสชาติ
นอกจากได้ลิ้มรสชาติผลไม้ที่แตกต่างแล้ว ก่อนจะเสริฟผลไม้นั้น พนักงานเชิญพวกเราเปลี่ยนไปนั่งอีกห้องนึง เพื่อชมวิวอีกด้านของโอไดบะ แล้วเสริฟชา + กาแฟ และ ผลไม้
เราสามารถดื่มด่ำกับวิวสวย ๆ เมล่อนอร่อย ๆ พร้อมจิบชาไปด้วย……มื้อนี้ไม่ฟินไม่รู้จะว่าไงแล้ว
ต้องบอกว่า….จ่ายเงินก้อนโตกับไปอาหารชุดในคืนนี้แล้วไม่เสียดายเลย
สำหรับการชิมใน โอไดบะ ก็หมดแล้ว แต่ทริปนี้ยังไม่จบแค่นี้ ติดตามตอนต่อไปที่ผมจะไปเที่ยวที่อื่น ๆ กันต่อไป และ หากเพื่อน ๆ มีร้านแนะนำอะไร โพสบอกกันได้นะครับ เพราะบ้านผมติดใจกับโอไดบะกันไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าคงจะได้ไปอีกครั้งเร็ว ๆ นี้
ติดตามกันตอนต่อไปกับการเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบาย ๆ กับ xenon_art
ขอให้มีความสุขกับการไปเที่ยวนะครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
บรรยากาศร้านที่นั่นดูหรูและเรียบง่ายมากครับ อาหารก็น่าทานทั้งนั้นเลย
อร่อยด้วย….อยากไปอีกจัง