เทคนิคการพาครอบครัว และลูกเล็กไปเที่ยวต่างประเทศ อัพเดท 2019

พี่อาร์ตเอาประสบการณ์ดี ๆ มาฝากจากการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งกับครอบครัวพร้อมลูก ๆ ตลอดหลายปีว่าต้องทำอย่างไร เตรียมตัวอะไรบ้าง และ ทำยังไงให้สนุกแต่ไม่เหนื่อย

**อัพเดท 21 พฤศจิกายน 2562**

ผมกระเตงลูกชายขึ้นเครื่องบินครั้งแรกตอนเค้าอายุ 4 เดือน แรก ๆ ก็กลัว และ ไม่สบายใจกับการพาเด็กเล็ก ๆ ขึ้นเครื่องบินเพราะที่ผ่านมาเห็นเด็กร้องให้สร้างความรำคาญกับผู้โดยสารท่านอื่น กลัวทำอะไรไม่ถูก แต่พอไปได้ครั้งนึง มีประสบการณ์ รู้หลัก ความกลัวหายไป เหลือแต่ความมันส์ในการพาลูกเที่ยว เลยเอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง

พอลูกอายุ 6 เดือนก็ไปลั้นลาที่ญี่ปุ่นกับไฟลท์ระยะกลาง 5 – 6 ชั่วโมงกันอย่างไม่มีปัญหา จากนั้นก็เกาหลี ฮ่องกง (ไปบ่อยสุดคือ ฮ่องกง) พอ 2 ขวบก็บินยาวไปอเมริกาเลย

ลูกควรอายุเท่าไหร่

หลายคนบอกว่า เด็กเล็ก ๆ ไม่ควรเอาไปเที่ยว ควรรอลูกโตก่อน แต่สำหรับผม ผมแนะนำว่าหากมีลูกเล็ก 6 เดือน – ขวบครึ่ง แนะนำว่าถ้าไหว ให้รีบไปเที่ยวครับ เพราะเด็กช่วงนี้ดูแลง่าย นอนในรถเข็นอย่างเดียว ไม่ค่อยกวนใจ ทำให้เราและภรรยามีเวลาเดินถ่ายรูป และ ช้อปปิ้ง ถ้าโตอีกหน่อย อุ้มก็หนัก เดินเองก็งอแง ยิ่งวิ่งได้นี่อย่าให้บอก

นอกจากจะเลี้ยงง่ายแล้ว เวลาไปไหนก็จะมีคนช่วย หรือ ได้สิทธิพิเศษตลอด เพราะมีเด็กเล็ก จะเหนื่อยหน่อยก็ตอนกลางคืนซึ่งขึ้นอยู่กับนิสัยเด็กว่าตื่นบ่อยแค่ไหน

เรื่องนม ผมยังคงแนะนำนมจากเต้าดีที่สุด เพราะนอกจากจะมีประโยชน์แล้ว อุปกรณ์แทบไม่ต้องมี ขอแค่ผ้าคลุมให้นมผืนเดียว หรือ ผ้าพันคอก็ได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละท่าน หากเป็นนมผงก็ไม่ยาก เดินไปไหนขอน้ำร้อนได้หมด แม้กระทั้ง Starbuck เค้าก็ยินดีให้ฟรี

ทั้งนี้ ทั้งนั้น การนำเด็กเล็กไปเที่ยวต่างประเทศ ควรคำนึงถึงสุขอนามัยนะครับ เอาไปประเทศที่ดูแล้วสะอาด และ สะดวกหน่อย ไม่แนะนำพวก ซัวเถา, อินเดีย หรือ อะไรเทือกนั้นที่ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด ที่สำคัญการเปลี่ยนผ้าอ้อมควรทำให้ที่เหมาะสม อย่าให้ใครดูถูกคนไทยได้ ^^

ครั้งแรกแนะนำให้ซ้อมดูก่อน เอาใกล้ ๆ พวก ฮ่องกง หรือ สิงค์โปร ก็สะดวกดี ไปสักครั้ง สองครั้งก็คล่อง ค่อยไปญี่ปุ่น ยุโรป หรือ อเมริกาสบายมาก

การขึ้นเครื่องบิน

สิ่งที่พ่อ-แม่มือใหม่กลัวที่สุดคือ ลูกร้อง งอแง บนเครื่องบิน

การที่เด็กร้อง ส่วนมากเป็นเพราะหูอื่อซึ่งเกิดจากความกดอากาศ และ แรงดันในหู ผู้ใหญ่อย่างพวกเรามีวิธีที่แตกต่างกันในการแก้อาหารหูอื้อ แต่เด็กทำไม่เป็นหรอก ทำได้คือ ร้องให้

สำหรับเด็กเล็ก หรือ เด็กอ่อน  ระหว่างเครื่องขึ้น และ ลง หูมักจะอื้อ แนะนำให้ดูดขวดนม หรือ ดูดน้ำในช่วงจังหวะนี้ เพราะจะช่วยให้หูไม่อื้อ และ ไม่ร้องให้ อันนี้พี่อาร์ตรับประกัน ลูกพี่ไม่เคยร้องงอแงเลยสักคน

เด็กที่เลิกขวดนมแล้ว ให้กินท็อฟฟี่ พวก ซูกัส หรือ อะไรที่มันเคี้ยวนาน ๆ แล้วมีน้ำลายออกเยอะ ๆ หรือบางท่านไม่อยากให้ลูกทานของหวานก็หาขนมขบเคี้ยวให้เค้า เพื่อลดอาการหูอื้อ

การจองเที่ยวบิน หากเป็นไฟลท์ยาว แนะนำบินกลางคืน หากเป็นไฟลท์สั้น แนะนำบินช่วงเที่ยง หรือ บ่าย กะเอาเวลาที่ลูกนอนกลางวันพอดี ทุกอย่างมันจะเพอเฟกต์

หากลูกเริ่มโตแล้ว และ เครื่องที่เราขึ้นไม่มี TV แบบคนต่อคน แนะนำให้หาอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงไปให้ลูกด้วย จะได้ไม่งอแง เราจะได้พักผ่อน

ปล. การขึ้นเครื่องบินพร้อมเด็กเล็กนั้น สายการบินส่วนใหญ่เค้าจะประกาศให้ผู้โดยการที่มีเด็กเล็กขึ้นก่อน บางสายการบินพนักงานไม่ได้เรียกไม่ต้องตกใจ เดินไปแจ้งเค้าได้เลยว่าเดินทางพร้อมเด็กเล็ก เค้าก็จะให้ขึ้นก่อนได้เลย

รถเข็นเด็ก

รถเข็นเด็ก baby cart / เบบี้คาร์ท หรือ baby stroller / เบบี้สตรอเลอร์ เวลาขึ้นเครื่องให้เอาไปโหลดหน้าประตูเครื่อง ไม่โหลดพร้อมกระเป๋าเดินทาง เอาไว้ให้ลูกนั่งก่อน พอเครื่องลงก็ให้รอหน้าประตูเครื่องบิน จะมีพนักงานเอามาวางเรียงไว้ให้ (ถามแอร์อีกทีนะว่าตรงไหน บางทีก็หน้าประตู บางทีก็ถัดไป 10 เมตร ไม่ให้เกะกะคนอื่น)

หากใครยังไม่มี และชอบเดินทาง แนะนำให้ใช้รถเข็นที่พับได้เล็ก ๆ เพราะสามารถหิ้วขึ้นเครื่องไปได้เลย พอเครื่องลงก็ไม่ต้องรอพนักงานเอารถเข็นจากใต้ท้องเครื่องบินมา เอาเวลารีบไปต่อคิว ตม. ดีกว่า

พี่อาร์ตใช้ Baby zen Yoyo ขนาดไม่เล็กมาก แต่แข็งแรง ล้อใหญ่เข็นง่าย ใครสนใจลอง google เอาครับ ผมซื้อที่ไหนจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่ซื้อในเน็ตบ้านเรานี่แหละ

การเดินทางสนามบิน – โรงแรม

มีให้เลือกหลายอย่างครับ ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ของแต่ละที่ ผมไปญี่ปุ่นพาลูกอายุ 6 เดือนกับภรรยา ขึ้นรถบัสเพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรัง และ ไปเดินงงในสถานนีรถไฟ

ตอนไปเกาหลี และ ญี่ปุ่น ลงเครื่องมาเหนื่อย ๆ มึน ๆ ของพะรุงพะรัง ตัดสินใจนั่ง Taxi ไปโรงแรมเลย แพงหน่อยแต่ชัวร์กว่า แถมยังได้นั่งปรับตัวเพื่อเที่ยวต่อได้เลย  ส่วนครอบครัวที่ชอบผจญภัยไม่อยากนั่งแท๊กซี่ ก็นั่งรถไฟเข้าเมือง แล้วค่อยไปต่อแท๊กซี่ไปโรงแรมอีกที

ตอนไปเมกา นั้นแล้วแต่เมือง ถ้าเช่ารถไว้ก็รับรถที่สนามบินได้เลย โดยเราต้องทำใบขับขี่สากลไปด้วย รถที่เช่าก็ตามเวป Hertz หรือ Avis เลยครับ เลือกรุ่นที่ถูกใจ แล้วระบุด้วยว่าต้องการ GPS Navigator แค่นี้ก็สบายมาก หากไม่เช่ารถก็นั่งรถบัสรับ-ส่งของสนามบิน แต่ตอนไป New York ด้วยความที่ระยะทางไม่มากมายนัก ผมนั่งแท๊กซี่ไปโรงแรมเลย คิดแล้วประมาณพันบาท

ขึ้นอยู่กับว่าไปประเทศไหน แต่สไตล์พี่อาร์ต เที่ยวแบบครอบครัวฉบับสายเปย์ จะตั้งลำดับเอาไว้ดังนี้

1. หากมีงบ เน้นสะดวก แนะนำ รถลีมูซีน หรือ แท๊กซี่ ยิ่งไปกันถ้ 4 – 5 คน ยิ่งดีเพราะราคารวม ๆ แล้วไม่ต่างกับนั่งรถไฟ ส่วนต่างถือว่าซื้อความสะดวก อย่างไปปารีสนี่ taxi เท่านั้น เพราะราคาเหมาะ 50 ยูโร ไปกัน 4 คนยังไงก็คุ้ม
2. รถบัสหรือ Airport Shuttle bus นั่งไปลงในเมือง จากนั้นต่อ Taxi ซึ่งเวลาไป ญี่ปุ่น หรือ อิตาลี จะใช้วิธีนี้เพราะเหมาะกับการเที่ยวแบบครอบครัวที่สุด (แต่ไม่แพง)
3. รถไฟ เป็นตัวเลือกสุดท้าย และต้องเป็นรถไฟที่นั่งไปรวดเดียวไม่ต้องเปลี่ยนขบวน เท่านั้น แต่สำหรับ ฮ่องกง เป็นตัวเลือกแรกเพราะถึงเร็วที่สุด

โรงแรม

การจองโรงแรม แนะนำว่าหากเป็นคนขี้เกียจ (เหมือนผม) ให้จองโรงแรมใกล้กันที่ ๆ เราจะไป ตั้งหลักจากจุดหลักก่อน แล้วเปิดแอพฯ จองโรงแรม เปิดส่วนที่เป็นแผนที่ จะมีราคาของแต่ละโรงแรมแสดงอยู่ หาเอาตามงบได้เลย

เที่ยวสไตล์ครอบครัว ไม่ควรเปลี่ยนโรงแรมบ่อย ยิ่งลูกไม่เกิน 3 ขวบ แนะนำเที่ยวไม่เกิน 2 เมืองกำลังดี หากยังไม่คล่องอย่าเพิ่งฮีกเหิม แพลนเบา ๆ หลวม ๆ ไป เซียนแล้ว ลูกเที่ยวจนชินแล้ว ค่อยจัดหนักได้

ส่วนจะโรงแรมถูก หรือ แพง อันนี้แล้วแต่กำลังของแต่ละคน เน้นแค่ไม่ไกลจากที่เราเที่ยว หรือ ใกล้สถานีรถไฟ เพราะอาจต้องมีรายการกลับโรงแรมก่อนกำหนดในกรณีฉุกเฉิน เช่นลูกฉี่ราด ไม่มีกางเกงเปลี่ยน หรือ พ่อแม่หมดแรงก่อน เป็นต้น

ยกตัวอย่างฮ่องกง ผมมักจะไปนอน ในเครือ Marco Polo ทั้งหลาย เพราะมันอยู่ในส่วนที่ผมชอบเดิน นั่นก็คือ Harbor City และ Ocean Terminal แถมร้านอาหารโปรดก็อยู่บนถนน Canton เกือบทั้งหมด

ใครสนใจลองอ่าน รีวิวโรงแรม Gateway ฮ่องกงแพงแต่คุ้ม มินิบาร์ฟรี มีแอนดรอยด์ให้ใช้ฟรี….ขุ่นพระ

สำหรับญี่ปุ่น แนะนำ Grand Nikko Tokyo Daiba เพราะเป็นโรงแรมสำหรับครอบครัวอย่าแท้ทรู แม้จะอยู่ไกลหน่อย แต่ผมว่าเหมาะกับเด็กเล็กนะ หาอ่านได้จากรีวิวเก่าของผม

รีวิวโรงแรม Grand Nikko Tokyo Daiba โรงแรมที่ดีที่สุดในโอไดบะ

อุปกรณ์ต่าง ๆ

แน่นอนว่าอุปกรณ์ สัมภาระมาตรฐานตามแต่ละคน คงไม่ต้องบอก บรรดา ขวดนมเอย นมผงเอย กระดาษเปียก (wipe) เอย เจลล้างมือเอย ทิชชู่เอย เยอะไปหมด ซึ่งก็แล้วแต่แนวของท่านเอง ส่วนผมไม่เน้นเยอะ ขาดเหลืออะไรไปซื้อเอา

นอกจากรถเข็นเด็ก ผมแนะนำเป้อุ้มเอาไว้ไปที่คนพลุกพล่าน เดินไปไหนคล่องตัวกว่า

หากจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ฮ่องกง อยากได้แบรนด์ดี ๆ แนะนำไปซื้อที่โน่นเลย ถูกกว่า มีให้เลือกเยอะ

พอลูกโตหน่อย อุปกรณ์น้อยลง ไม่ต้องเอาเป้อุ้มไป แต่รถเข็นต้องมี เอาไว้ให้ลูกนอนตอนบ่าย และช่วงเวลานั้นมันจะเป็นสวรรค์ของพ่อแม่ โดยพลัน

หากรู้เวลาลูกนอนกลางวันแน่นอน ให้เตรียมตัวไปสถานที่ที่เราต้องการก่อนลูกจะหลับ กะว่าพอถึงที่สักแป๊ปลูกนอนพอดี

อุปกรณ์ IT

แน่นอน เรามันคน IT ชอบเทคโนโลยี โม้เรื่องเที่ยวทั้งที จะขาดเรื่อง Gadget ไปได้อย่างไร สิ่งที่ผมพกพาไปด้วยประจำดังนี้

– iPad / Tablet เอาไว้ให้ลูกเล่นตอนอยู่บนเครื่องบิน พอตกดึก ก็เอามาเช็คเมลล์ เข้าเวปต่าง ๆ แทนโน๊ตบุ๊ค

– Power bank อันนี้คงไม่ต้องบอก

– ปลั๊กชาร์จที่มีช่อง USB หลายช่อง เหมาะมากสำหรับคนสายไอที

– หูฟังสำหรับเด็ก ปัจจุบันใช้ Baddyphones ที่สร้างมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ ทั้งขนาด สีสรร ลูกเล่นสติ๊กเกอร์ให้เด็กตกแต่งเองได้ นอกจากนั้นยังมีระบบป้องกันเสียงดังเกินไป โดยระดับเสียงสูงสุดยังอยู่ในระดับที่แพทย์รับรอง ทำให้ไม่ต้องคอยมาเช็คว่าลูกฟังเสียงดังเกินไปหรือไม่

รีวิวหูฟังอ่านได้ที่ รีวิว Buddyphones หูฟังเด็ก….ไอเทมเด็ดที่พ่อ-แม่ควรมี

สรุป

การพาครอบครัวไปเที่ยว แบบกระเตงลูกไปด้วย ก็มีเทคนิคง่าย ๆ เพียงไม่กี่อย่างดังที่กล่าวมานั่นแหละครับ จุดสำคัญคือ ต้องมีสติตลอดเวลา เพราะต้องดูแลลูกไม่ให้เกิดอันตราย และ ต้องคอยเอาใจ ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการที่บ้าน) ด้วย หากใครไม่เคยอาจกลัว และ กังวล…..เชื่อผมเถอะ ผ่านครั้งแรกไปได้ ครั้งหน้าสบายละ

ไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมลูกเล็ก ๆ นั้นเหนื่อยนั่นเหนื่อยชัวร์ แต่เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้ลูกเราเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์กับลูกของเราให้มากที่สุด เที่ยวไปสอนไป คอยอธิบายให้เค้าฟังถึงสิ่งรอบตัว ประสบการณ์ซื้อไม่ได้ และ ไม่มีสอนในโรงเรียน

ขอให้เพื่อน ๆ สนุกกับการท่องเที่ยวกับครอบครัวครับ

ขอให้สนุกกับการไปท่องเที่ยวครับ

________________________________________________________________

หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE FacebookFanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ