ร้านที่ 9 ของซีรียส์กระทู้กินฮ่องกง ขอนำเสนอร้าน Cafe De Coral ซึ่งเป็น ฟาสฟู๊ด อาหารจีน สไตล์ ฮ่องกง-มาเก๊า ที่น่าสนใจมาก ๆ หากินง่ายเมีสาขาทั่ว ฮ่องกง
อาหารของ Cafe De Coral หรือ คาเฟ่ เดอ คอรอล นั่นเป็นอาหารง่าย ๆ แบบ Fast food และ เป็นร้านอาหารแบบบริการตัวเอง ซึ่งต้องบอกว่าตอนไปกินครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนนั้น ให้ประสบการณ์ที่สนุก แปลกใหม่ดีมาก ๆ จนลืมเรื่องรสชาติอาหารไปเลย
ต่อมาหากมีโอกาส ก็จะแวะไปกินอะไรง่าย ๆ ที่นี่เสมอ อาหารไม่ถึงกับอร่อยขั้นเทพ แต่ถือว่าอร่อย แถมง่าย สะอาด เร็ว ราคาไม่แพง
ความเก๋ของร้านนี้คือ เมนูที่จะคอยหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นอกจาก หมูแดง หมูกรอบ ห่านย่าง ไก่ตอน หรือ ที่เรียกรวม ๆ ว่า BBQ ที่มีขายตลอดเวลาแล้ว อื่น ๆ เป็นเมนูหมุนเวียนทั้งสิ้น
โดยเปลี่ยนไปตามวัน ช่วงเวลาของแต่ละวัน และ ฤดูกาล อีกต่างหาก เรียกว่าไปแต่ละครั้งมีของใหม่ ๆ ให้ชิมตลอด นั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านนี้ บางทีก็จะมี สเต็ก บ้าง ข้าวอบสเปนบ้าง ขนมปังสอดใส้หมูทอดบ้าง หรือถ้ามาช่วงเช้า ก็จะเจอกับบรรดาเมนูอาหารเช้า ทั้งฝรั่ง และ จีน
มันเป็นยังไงบ้างมาดูกัน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การรีวิว และ คะแนน ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนประสบการณ์ “กิน” ของผมล้วน ๆ และ ผมเป็นคนทานรสจัด หมายถึง หากเป็นแกงจึด แต่ไม่หอมน้ำต้มกระดูก ไม่จืดนำแล้วไปหวานในคอ ผมเรียกว่าไม่อร่อยนะ
ผมไม่ได้เรียนเรื่องอาหารมา ไม่ใช่เซียนเรื่องกิน แต่ชอบตระเวนพาครอบครัวไปทานของอร่อย ๆ เท่านั้น ใครตามรอยผมไปกิน บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง
Cafe De Coral
ประเภทอาหาร: ฟาสฟู๊ด อาหารจีน สไตล์ ฮ่องกง มาเก๊า
ที่ตั้ง: มีสาขาทั่ว ฮ่องกง หากได้ตามริมถนนใหญ่ หรือ ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ
คุณภาพอาหาร: 7/10
บริการ: บริการตัวเอง
Cafe De Coral มีอยู่ประมาณ 150 สาขาทั่วฮ่องกง ดังนั้นหากินง่าย มีอยู่เกือบทุกที่ สังเกตุป้ายเหลือง ๆ ตัวหนังสือแดง ๆ ได้เลย
บางสาขาก็ตบแต่งไฮโซหน่อย สีของโลโก้ก็จะเปลี่ยนไปตามธีมของสาขานั้น ๆ
เดินเข้าไปก็จะเจออาหมวยในชุดคล้าย ๆ แอร์โฮสเตทบนเครื่องบิน แต่เป็นสีเหลืองสว่าง ๆ ยืนประจำการอยู่หลังเครื่องคิดเงิน
หยุด……อย่าเพิงใจร้อนครับ หันไปดูเมนูก่อน
แต่ถ้าคิวยาวมาก ๆ ก็ต่อคิวไป เพ่งดูเมนูไปแล้วกันนะครับ
เมนูของร้านนี้จะอยู่ที่กำแพงใกล้ ๆ เครื่องเก็บเงินนะครับ และ อย่างที่บอกแล้วว่าเค้าคอยเปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ ตามตามรางของร้านซึ่งกำหนดมาจากสำนักงานใหญ่
นอกจากจะเปลี่ยนเมนูไปตามเวลา มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อบ่ายจิบชา มื้อเย็น และ มื้อดึก แล้ว อาหารก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตามนิสัยคนจีนที่ชอบรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตามสภาวะอากาศอย่างที่ลูกคนจีนอย่างผมก็มักจะได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ควรกินตอนฤดูหนาวเพื่อความอบอุ่น ไม่ป่วยง่าย อะไรแบบนี้ครับ
จังหวะที่ผมไปล่าสุด เมนูพิเศษเป็นสเต็กครับ คงไปได้ดีลอะไรมาจากคนขายเนื้อมั๊ง 555
ว่าแล้วก็ลองสั่งให้ลูกชายซะหน่อย คนนั้นเค้าขากินสเต็กอยู่แล้ว
สั่งมาเป็นชุด พร้อมเครื่องดื่ม และ ซุป
ตอนสั่ง บอกอาหมวยว่า Medium Well และ ก็ได้ตามสั่ง ไม่รู้ฟลุ๊ค หรือ พ่อครัวแม่น
เนื้อ Serlion ย่างมาอย่างดี มีเนยก้อนกำลังดีโป๊ะหน้ามา หอม มัน รสชาติดี สมราคา HK$ 52 หรือ 250 บาท เท่านั้น
มาลองซุปเห็ด ที่มีขนมปังปิดหน้ามา (ลืมชื่อภาษาปะกิตซะแล้ว)
อร่อยดีเช่นกัน
มาดูของภรรยาบ้าง ชุดหมูทอด เพิ่มเงินซื้อ ซุปฟักที่ให้ฟักมาทั้งลูกเลย
หมูทอดก้อน ๆ หน้าตาคล้ายพบเห็นทั่วไปตามร้านข้าวแกงบ้านเรา
แต่มันไม่ใช่นะครับ คนละสูตรกัน แบบจีนก็อร่อยไปอีกแบบ แถมขนาบมาด้วยเต้าหู้ทอด รสชาติกลมกล่อม ตามราคา
ซุปฟัก ที่ใส่กุ้ง เห็ด และ หมูมาครบ ๆ ตบด้วยพริกไทยชุดใหญ่จากในครัวเลย
ตอนที่ไปเป็นเดือน มิถุนายน เพิ่งหมดร้อน กำลังเข้าฝน ถือว่าซุปฟักเป็นอะไรที่เข้ากับบรรยากาศมากครับ
มาถึงของผมบ้าง ชุดหมูแดง+ไก่ตอน พร้อมซุปฟักเช่นกัน
หมูแดงร้านนี้รสชาติมาตรฐาน ไม่ได้อร่อยเว่อร์ แต่ไม่ทำให้ผิดหวังครับ คงเหมือนบ้านเราคา ไข่พะโล้ ไปกินที่ไหนก็อร่อย
ส่วนไก่ตอนนั้น อร่อยตามมาตรฐานเช่นกัน ไม่ผิดหวัง จิ้มด้วยน้ำจิ้ม Ginger Oil แล้วสุดยอด
แอบบอกว่าผมไปฮ่องกง เพราะจะมากินไก่นี่แหละครับ ไปร้านไหน ร้านนั้น สั่งไก่ตลอด
นอกจากอาหารที่มีเมนูหลากหลายแล้ว เครื่องดื่มก็มีแปลก ๆ ให้ลองเช่นกัน
ที่เห็นเป็นมะม่วงปั่นกับอะไรสักอย่างครับ จำไม่ได้แล้ว รู้แต่มะม่วงเค้าสู้บ้านเราไม่ได้
ของผมตบท้ายมื้อด้วยถั่วแดงเย็น แบบฮ่องกงอย่างที่เห็นครับ ต่างกับบ้านเราเล็กน้อย
มาดูถั่วแดงกันใกล้ ๆ ครับ
ถ้วยนี้หอมหวานอร่อยดี ไม่หวานเกินไป ถั่วแดงนิ่มกำลังดี เยี่ยมเลย
ถือว่าร้านนี้ เป็นร้านไอเดียดี เป็นอาหารจานด่วนแบบจีน ๆ ที่รสชาติได้มาตรฐาน มีระบบการบริการ การสั่งอาหาร และ เมนูอาหารนั้นแปลกใหม่กว่าร้านอาหารทั่วไปมาก ควรค่าแก่การแวะเข้าไปลอง
เปลี่ยนอารมณ์จากอาหารเทพ ๆ เป็นอาหารบ้าน ๆ โลโซบ้างนะครับ
ช่วงนี้รูปต่าง ๆ ก็หมดแล้ว คงไม่เห็น ซีรียส์ “กินฮ่องกง” อีกจนกว่าจะได้ไป ลั้นลา ฮ่องกงกับครอบครัวอีกครั้งปลายปีนี้
ขอบคุณที่ติดตามผลงานครับ