แกะกล่องเครื่องศูนย์ไทยแบบแพ๊คคู่ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ทุกซอกทุกมุมคู่กัน พร้อมสเปค และ สิ่งน่ารู้มากมาย
เห็นรีวิวสีดำกันไปเยอะแล้ว เลือกซื้อสีชมพู Rose Gold เหมือนเดิมเพราะเป็นคนไม่ใช้ของสีดำ เอ๊ะ….หรือพี่อาร์ตกลัวสีดำ Jet Black สีลอก เอาเหอะอย่างไรก็ตามถือว่าได้ดูแกะกล่องสีไม่โหลแล้วกัน 555
iPhone 7 + 7 Plus วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสที่ไม่รุนแรงเหมือนเคย ผมเดินไปซื้อที่ Jay Mart เลยไม่ต้องจอง ไม่ต้องต่อแถวแต่อย่างใด จากการแอบดูใบสต็อคของพนักงานเห็นว่ามีสต็อคมากพอสมควรโดยเฉพาะสีดำ 32 GB
ราคาเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญามีดังนี้
iPhone 7
– รุ่นความจุ 32 GB ราคา 26,500 บาท
– รุ่นความจุ 128 GB ราคา 30,500 บาท
– รุ่นความจุ 256 GB ราคา 34,500 บาท
iPhone 7 Plus
– รุ่นความจุ 32 GB ราคา 31,500 บาท
– รุ่นความจุ 128 GB ราค 35,500 บาท
– รุ่นความจุ 256 GB ราคา 39,500 บาท
สำหรับโปรโมชั่นค่ายมือถือไม่ขอลง ไปเช็คจากเวปผู้ให้บริการเอาเพราะจะอัพเดทกว่าเขียนลงในบทความ แต่เท่าที่เขียนบทความอยู่ตอนนี้ TrueMove H แรงสุดเพราะเลือกเปิดโปร 4G Unlimited ได้…..ว้าวววว
สเปคอย่างเป็นทางการ iPhone 7
- ขนาด 138.3 x 67.1 x 7.1 มม.
- น้ำหนัก 138 กรัม
- หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว 326 PPI ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล
- ซีพียู Apple A10 QuadCore
- แรม 2 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32/128/256 GB
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f/1.8 ถ่ายวีดิโอ 4K พร้อมแฟรช LED 4 ดวง
- กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล f/2.2 ถ่ายวีดิโอ 1080p
- แบตเตอรี่ความจุ 1,960 มิลิแอมป์
- กันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP67 กันน้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที
- มีสี ดำเงา, ดำด้าน, ทอง, เงิน และ ชมพู (สีดำเงา Jet Black รุ่น 32 กิ๊กไม่มีจำหน่าย)
สเปคอย่างเป็นทางการ iPhone 7 Plus
- ขนาด 158.2 x 77.9 x 7.3 มม
- น้ำหนัก 188 กรัม
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว 401 PPI ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 พิกเซล
- ซีพียู Apple A10 QuadCore ความเร็ว 2.23 GHz
- แรม 3 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32/128/256 GB
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซลคู่ (2 กล้อง) f/1.8 พร้อมแฟรช LED 4 ดวง
- กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล f/2.2 ถ่ายวีดิโอ 1080p
- แบตเตอรี่ความจุ 2,900 มิลิแอมป์
- กันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP67 กันน้ำลึก 1 เมตรได้ 30 นาที
- มีสี ดำเงา, ดำด้าน, ทอง, เงิน และ ชมพู (สีดำเงา Jet Black รุ่น 32 กิ๊กไม่มีจำหน่าย)
หน้ากล่องสีทอง ชมพู และ เงิน เหมือนเดิมคือ กล่องสีขาว พร้อมตัวเครื่องสีตามเครื่องจริงในกล่อง โดยปีนี้เค้าเน้นกล้องที่พัฒนาใหม่หมดจรด จึงโชว์ด้านหลังแทน ผิดกับปีก่อนที่โปรโมทภาพ Wallpaper ปลากัดไทยในตำนาน
หากเป็นเครื่องสีดำจะได้กล่องดำทั้งกล่อง
เครื่องไทย ด้านหลังกล่องจะเป็นรายละเอียดภาษาไทย เช็คซีเรียลเครื่องตรงกล่อง ก็แปลว่าเราได้ประกับศูนย์ ไม่ใช่เครื่องนอกไร้ประกัน
เปิดมากล่องแรก iPhone 7 ขอบจอมีรอย พนักงาน Jay Mart เปลี่ยนให้ใหม่ด้วยความรวดเร็ว
เปิดกล่องออกมาไม่มีอะไรตื่นเต้นเพราะเหมือนเดิมเป๊ะ….คิดแบบนี้หล่ะสิ
กล่องจริงต่างจากเดิมตั้งแต่พลาสติคหุ้มกล่องเพราะไม่ต้องกรีดขาดอย่างเคย แต่เป็นซองพลาสติคพร้อมแถบกาวดึงเปิดออกมาเหมือนพลาสติคปิดเครื่องเลย งานนี้สายบิ้วท์เครื่องเลิกใช้เครื่องห่อพลาสติคได้เลย ^^!
แถมงานนี้ไม่มีถาดใส่เครื่องแล้ว แต่เค้าเอาซองใส่ชุดคู่มือฉบับย่อที่มีสติ๊กเกอร์ Apple วางทับหน้าเครื่องเอาไว้กันกระแทกเพิ่มโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
นอกจากนั้นเมื่อหยิบเครื่องออกมา ก็จะเจอชุดอุปรกรณ์ทันที ไม่มีถาดใส่เครื่องอีกต่อไป….ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูดีแถมลดต้นทุน สมกับเป็น Apple จริง ๆ
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง
- สายดาต้าแบบ Lightning
- ปลั๊กชาร์จไฟบ้าน
- หูฟัง “แบบมีสาย”
- ชุดคู่มือฉบับย่อพร้อมสติ๊กเกอร์ Apple
ปราดแรกที่เห็นหัวปลั๊กชาร์จไฟบ้าน อุทานออกมาแบบหน้าไม่อายเลยว่า “โอ้โห เค้าเปลี่ยนสีเป็นขาวมุกแล้ว” แต่เปล่าครับ นั่นเป็นพลาสติคที่เปลี่ยนจากใสมาเป็นแบบขุ่น เหอ เหอ เหอ หน้าแตกตอนเช็คเครื่อง
พอแกะพลาสติคหุ้มออก อ้อ….สีขาวอันเดิม ถถถถถ ออกแบบทีเดียวใช้ยาวครึ่งทศวรรษตามสไตล์ Apple เค้าหล่ะ
หูฟังรุ่นใหม่ล่าสุดของโลกที่ไม่ใช้แจ็คเสียบ 3.5 มม. อีกต่อไป แต่ใช้หัวแบบ Lightning เสียบไปตรงช่องชาร์จแทน
ตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า “อ้าวเฮ้ยแล้วจะชาร์จไปฟังเพลงไปยังไงว่ะครับ”
คำตอบคือ ไปซื้อสายพ่วงที่เริ่มมีคนขายแยก หรือ ไปซื้อ AirPod หูฟังไร้สายที่ไร้การออกแบบ เพราะเค้าแค่เอาสายออกไปแล้วใส่บลูทูธเข้าไปเท่านั้น หน้าตาหูฟังเหมือนเดิมเป๊ะ ในราคา 6,900 บาท !!!!
แต่สำหรับคนที่มีหูฟังเทพแบบแจ๊ค 3.5 มม. ไม่ต้องเป็นห่วง เค้ามีอะแดปเตอร์แปลงช่อง Lightning มาเป็นรูหูฟังให้นะจ๊ะ
หน้าตาสวย ๆ ของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus หน้าขาวหลังชมพูด้าน….แบบนี้แหละพี่ชอบ
ฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ไม่แตกต่างกับ iPhone 6 และ 6s ที่อัพเดทซอฟท์แวร์ตัวล่าสุด การควบคุมการใช้งานเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ รุ่น Plus ยังคงพลิกหน้าจอใช้งานแนวนอนได้เหมือนเดิม
ด้านหน้าดูเผิน ๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทำเอาทั่วโลกผิดหวังกันไปตาม ๆ กันจนกระแสไม่แรงอย่างที่เคยเพราะนอกจากจะมีสีใหม่อย่างสีดำด้านแล้ว Jet Black ที่เหมือนจะเป็นสีใหม่ แต่ผมจำได้ว่าสมัย iPhone 3G และ 3GS ก็มีสีดำเงาขายนะแต่ตอนนั้นเค้าใช้อีกชื่อ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คนดูแล้วคิดกันเอาไปเอง สิ่งที่ iPhone 7 ปรับปรุงออกมาได้แบบทิ้งคราบเดิมไปเลยคือ ปุ่มโฮม
จากปุ่มที่เป็นปุ่มกดลงไปจริง ๆ แล้วชอบพัง จนคนส่วนมากต้องตั้งปุ่มโฮมแบบสัมผัสบนหน้าจอแทน งานนี้ Apple เลยเอาปุ่มโฮมแบบกดออกไป เปลี่ยนมาใช้ปุ่มโฮมแบบสัมผัสพร้อมสั่นตอบสนองการกด หากใครนึกไม่ออกลองเอาแอนดรอยด์มากดปุ่ม Back ดู แต่ผมว่า Apple ทำออกมาได้อารมณ์เหมือนกดปุ่มจริง ๆ มากจนภรรยากดครั้งแรกค้อนผมเข้าให้พร้อมเปรยว่า “ไหนว่าไม่มีปุุ่มโฮมแล้วไง นี่ไง ยังกดได้อยู่เลย”
กล้องของ iPhone 7 พัฒนาขึ้นมาจาก iPhone 6s พอสมควรโดยชุดเลนส์ปรับจาก 29 mm. มาใช้เป็นขนาด 28 mm. และเปลี่ยนรูรับแสงจาก f/2.2 มาเป็น f/1.8 ได้ภาพกว้างขึ้น ถ่ายได้ใกล้ขึ้น และ ถ่ายแสงน้อยได้ดีกว่าเดิม ที่สำคัญเค้าจัดแฟรชกล้องหลังมาให้ใช้ถึง 4 ดวง โดยใช้ดวงเล็กกว่าเดิม
ในขณะที่กล้องคู่ของ iPhone 7 Plus สร้างความฮือฮาให้สาวกไม่น้อย หลังจากนั่งสงสัยพวกแอนดรอยด์ที่ใช้กันมาหลายปีว่ามันดียังไงฟร่ะ คราวนี้ได้รู้เสียที โดยกล้องคู่นั้นตัวหนึ่งจะเป็นกล้อง มุมกว้าง f/1.8 ส่วนอีกตัวหนึ่งจะเป็น กล้องถ่ายระยะไกล f/2.8 ซึ่งทำงานร่วมกันตอนถ่ายภาพและนำมาประมวลผลเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามที่สุด โดยค่า f/1.8 จะทำให้ถ่ายในที่แสงน้อยดได้ดีขึ้นกว่าเดิม อีกทั้ง Apple เคลมว่าการถ่ายด้วยกล้องคู่จะทำให้มีมิติมากขึ้นด้วยชุดกล้องระยะไกล / Telephoto ที่เพิ่มความลึกของภาพ
ด้านข้างซ้าย-ขวาของตัวเครื่องเหมือนเดิมทุกประการไม่ต้องบรรยายเพิ่มข้ามไปดูส่วนอื่นโลด
ตูดไอโฟนที่เปลี่ยนไปเยอะ เพราะไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ที่คนทั่วโลกคุ้นเคยอีกต่อไป โดยแทนที่ด้วยช่องรู ๆ เหมือนลำโพงแต่ไม่ใช่ลำโพงนะ เป็นไมโครโฟนสนทนาโทรศัพท์เหมือนรุ่นก่อนจ้า
เหตุผลที่เค้าเอาหูฟังออกนั้นมีหลายเหตุผล แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเพื่อเอาพื้นที่ช่องหูฟังที่กินที่มาก ๆ ออกไปแล้วบริหารพื้นที่ใหม่เพื่อเพิ่มอุปกรณ์ภายใน ยกตัวอย่างใน iPhone 7 สามารถเพิ่มปริมาณแบตเตอรี่ได้ถึง 14% ซึ่งจะทำให้อายุการใช้งานมากขึ้นถึง 2 ชั่วโมง แถมยังสามารถสร้าง iPhone 7 และ 7 Plus ให้กันน้ำกันฝุ่นได้ระดับ IP67 ซึ่งสามารถจมน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที
นอกจากนั้นเท่าที่อ่านเจอจากเวปฝรั่งที่จำไม่ได้แล้วว่าเวปไหน เค้าบอกว่าเมื่อตัวเครื่องไม่มีช่อง 3.5 มม. จะทำให้สามารถใส่อุปกรณ์ที่สามารถวัดความกดอากาศได้ ทำให้หลาย ๆ แอพฯ ทำงานได้แม่นจำขึ้นโดยเฉพาะแอพฯ สุขภาพ
ด้านบนเรียบร้อย สวยงามคลาสสิค พร้อมกล้องที่นูนออกมาจนต้องใส่เคสเพื่อความสบายใจ
เค้ากลัวกล้องกระแทกโต๊ะอ่ะเตง
ด้านหน้าส่วนบนเป็นเซ็นเซอร์ที่เมื่อลองเอากล้องมือถือตัวอื่นมาลองส่องดูจะเห็นสัญญาณเซ็นเซอร์สีแดงสว่างวาบเป็นจังหวะเหนือช่องลำโพงหูฟัง
กล้องหน้าของทั้ง 2 ตัว Apple ใจดีให้กล้องหน้าดีกว่าเดิมเล็กน้อยจากเดิมความละเอียด 5 ล้าน อัพเป็น7 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวีดิโอ และ Facetime แบบ Full HD 1080p ซึ่ง ตัวนี้มาพร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2 เท่าเดิม Apple จึงให้แฟรชกล้องหน้ามาด้วย โดยเป็นการใช้ไฟหน้าจอให้สว่างวาบเป็นสีขาวแบบที่แอนดรอยด์จีนชอบใช้กัน จากการทดสอบผมว่ากล้องหน้าดีกว่าเดิมเล็กน้อย และ ถ้าจะถ่ายมุมกว้างยังต้องพึ่ง “ไม้เซลฟี่” เหมือนเดิม
ขนาดของ iPhone 7 เมื่ออยู่ในมือ ถือจับกระชับตามขนาด 4.7 นิ้ว การใช้งานมือเดืยวถนัดมากไม่ว่าจะผู้หญิง หรือ ผู้ชาย แต่หากอ่านเมลเยอะ ๆ จอ 4.7 นิ้ว อาจไม่ค่อยสบายตานัก (วัดตามอายุคนอ่าน)
ส่วน iPhone 7 Plus หน้าจอ 5.5 นิ้ว ถือแล้วใหญ่เต็มมือ ใช้งานมือเดียวไม่ได้แน่นอน แถมด้วยน้ำหนักที่มากถึง 188 กรัม แม้จะเบาลงกว่า iPhone 6 Plus ลงมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับคู่ปรับจอใหญ่สายเกาหลีอย่าง Galaxy Note 5 ยังเป็นรอง เพราะ Note 5 ขนาดเล็กกว่า แถมเบากว่าด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่ 5.7 นิ้ว
เท่าที่ลองเล่นมา 2 วันเต็ม ๆ แทบไม่วางมือด้วยความเห่อของใหม่ เบื่อของเก่าอย่าง Note 5 และ ไร้ Note 7 ส่วนตัวผมว่าแบตเตอรี่อึดตามสไตล์ไอโฟน หน้าจอแม้จะมีความละเอียดแค่ Full HD แต่ด้วยหน้าจอแบบ Retina ทำให้รู้สึกภาพสวยงามสบายตากว่าแอนดรอยด์เครื่องละหมื่นกว่าบาท แต่หากเไปเทียบกับพวก QuadHD แล้วมันคมสู้ไม่ได้
การตอบสนองรวดเร็วพอ ๆ กับ iPhone 6 Plus แม้ว่า CPU จะเร็วขึ้น แรมมากขึ้น แต่ OS ตัวใหม่ฟีเจอร์เยอะ เลยหน่วงเครื่องไปบ้าง เทียบกับ iPhone 6s Plus ที่อัพเป็น OS ล่าสุดเหมือนกันแล้ว ไม่ต่างกันมากจนรู้สึกว้าวววว ฉันต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่แล้ว
กล้องเบื้องต้นประทับใจมาก เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ iPhone ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยพอ ๆ กับ Galaxy Note แล้ว แต่อย่าลืมว่า Note 5 มันตัวเก่าปีที่แล้วที่เอาชนะ iPhone 6s มาอย่างขาดลอย
กล้องหน้ายังคงคุณภาพเหมือน iPhone 6s / 6s Plus จะดีกว่าก็ไม่มากนัก
สรุป
ถ้าใช้ iPhone 6s / 6s Plus อยู่ ผมว่ายังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรอก การใช้งานแบบคนปกติใช้แล้วดีกว่าเดิมไม่มาก แต่หากคุณรักการถ่ายรูปด้วยมือถือ เจ้า 7 Plus ที่มาพร้อมกล้องคู่ตอบโจทย์ได้ดีกว่าเดิมเยอะมาก ในขณะที่ iPhone 7 แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
เรื่องกล้องเดี๋ยวจัดเต็มให้ดูเร็ว ๆ นี้ หากใครใจร้อนรอชมหน้าเพจ จะคอยอัพให้ดูเป็นบางรูปเท่าที่สะดวก
ทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพคู่ iPhone 7 vs iPhone 7 Plus สวย ๆ นะ มีคำถามคาใจ อยากให้รีวิวตรงไหนเพิ่ม โพสได้ที่หน้าเพจ หรือ ช่องคอมเม้นต์ใต้บทความเลย
อ้อ ฝากกดไลค์เพจเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
____________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ