Samsung Galaxy A9 Pro แอนดรอยด์จอยักษ์ 6 นิ้ว Full HD ซีพียูแรง 1.8 GHz กล้อง 16 ล้าน แบต 5,000 มิลิแอมป์เรียกได้ว่าเลิกพกแบตสำรองไปได้ เป็นที่มาของนิยาม ใหญ่ อึด และ หนักมาก
Samsung Galaxy A9 (2016) ไม่เข้าไทย ต่อมาซัมซุงเปิดตัว A9 Pro (2016) อัพสเปคและวางจำหน่ายที่จีนไปเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2559 (ถ้าจำไม่ผิด) ราคาวางจำหน่ายที่ 3,499 หยวน (ประมาณ 19,000 บาท) ทำเอาคนชอบจอใหญ่สเปคแรงราคากลาง ๆ ชะเง้อคอมองกันเป็นแถว พี่อาร์ตบินไปฮ่องกงหลายรอบพยายามหาซื้อก็ซื้อไม่ได้ เค้าบอกที่ฮ่องกงไม่เข้า
ในที่สุดพี่ไทยทำเซอร์ไพรส์โดยประกาศวางจำหน่ายสายฟ้าแลบในวันที่ 22 กรกฏคม (วันนี้) แถมเปิดราคามาแค่ 15,900 บาท ถูกกว่าเครื่องหิ้วมาบุญครองหลายพัน O_o!
งานนี้แอบคิดว่าเอามาสกัดดาวรุ่งบางดวงในตลาด ซึ่งจากกระแสบนเพจพี่บอกเลยมันค่อนข้างได้ผลนะ เพราะราคานี้ สเปคนี้มันสุดคุ้มจริง ๆ
สเปคอย่างเป็นทางการ Galaxy A9 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 161.7 x 80.9 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 210 กรัม
- หน้าจอ 6.0 นิ้ว Full HD 1080p ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- ซีพียู Snapdragon 652 Quad-Core ความเร็ว 1.8 GHz + 1.4 GHz
- แรม 4 GB
- หน่วยความจำ 32 GB
- เพิ่มเมมโมรี่การ์ดได้ แบบ Micro SD
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.9
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม (นาโนซิม) แบบ Netcom 3.0
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh รองรับระบบ Fast Charging
- Android 6.0.1 Marshmallow
- วางจำหน่ายสี ดำ ทอง และ ขาว
ต่างกับ Galaxy A9 (2016) อย่างไร
- ตัวเครื่องรุ่น Pro หนากว่าครึ่งมิลลิเมตร
- แรมเพิ่มขึ้นจาก 3 กิ๊ก เป็น 4 กิ๊ก
- กล้องหน้าอัพสเปคจาก 13 ล้านเป็น 16 ล้านพิกเซล แต่เซ็นเซอร์แอบเล็กลงนิดนึง จาก 1/3″ เป็น 1/2.8″
- แบตเตอรี่มหาศาลจาก 4,000 เป็น 5,000 มิลิแอมป์
ตอนนี้ที่ช๊อปซัมซุงเค้ามีบริการซื้อเครื่องเสร็จ เช็คเครื่องปั๊ป อัพเฟิมแวร์ให้เลย ไม่ต้องไปนั่งทำเองผ่านไวไฟอีกต่อไป เผลอ ๆ ใหม่กว่าที่อัพผ่านไวไฟด้วยนะเพราะเป็นไฟล์ที่อัพผ่านคอมส่งตรงจากซัมซุงประเทศไทย ภาษาไทยพร้อมสรรพ พนักงานบริการยิ้มแยัมแจ่มใส
ถ่ายหน้ากล่องติดใบเสร็จสักนิดจะได้รู้ว่าซื้อเอง รีวิวเอง ดีก็ชม ไม่ดีก็ติ ไม่ต้องเกรงใจใครเนอะ เอเจนซี่ไหนผ่านมาจะได้ไม่ตกใจ
หน้ากล่อง Samsung Galaxy A9 Pro ก็ใช้ดีไซน์เหมือนรุ่นอื่น ๆ ของค่าย คือเป็นกล่องสีขาว พร้อมอักษรบอกชื่อรุ่น โดยรุ่นนี้จะมีเลข 6 ที่แสดงว่าเป็นรุ่นปี 2016
ด้านหลังมีสเปคคร่าว ๆ บอกไว้ชัดเจน พร้อมภาษาไทย
น้อง A9 Pro สีทองนอนรออย่างใจเย็น
จริง ๆ รุ่นนี้นำเข้ามาขาย 3 สีคือ ดำ ทอง และ ขาว ส่วนตัวชอบสีขาวนะ แต่ตอนไปซื้อที่ศูนย์ไม่มีสีขาว เดินทั่วเซ็นทรัลเวิลด์ก็ไม่มี โทรไปมาบุญครอง บอกสีขาวรอพรุ่งนี้…..เอิ่มพี่มันคนใจร้อน จัดสีทองก็ได้
รูดการ์ดเสร็จ ติดกันรอยเรียบร้อย น้องที่มาบุญครองโทรมาทันใด
มาบุญครอง: “พี่อาร์ตครับ A9 Pro สีขาวเข้ามาพอดีเลยครับ เครื่องศูนย์ 14,900 บาท”
ผม: “…….”
มาบุญครอง: “อ้อ ผมโทรมาไม่ทันใช่มั๊ยครับ ว้า ไม่น่าโทรมาให้พี่เสียใจเลย”
ผม: O_o %#$!*&
นึกในใจ เดี๋ยวรีวิวเสร็จขายไปซื้อสีขาวก็ได้ฟระ!!!!
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy A9 Pro
- คู่มือฉบับย่อ
- ใบรับประกัน
- สายดาต้า/ชาร์จ
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน
- หูฟังแบบ In-Ear
- ที่จิ้มซิม
อุปกรณ์ทั้งหมดเป็นสีขาวสะอาดตา โดยรวมคุณภาพวัสดุ การผลิตดีเยี่ยมตามมาตรฐานแบรนด์ชั้นนำจากเกาหลีที่สามารถขย่มค่ายผลไม้จนมีออกอาการเสียขบวนไปเหมือนกัน
อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้านหน้าตาคุ้นเคยจ่ายไฟที่ 2.0 แอมป์ รองรับ Fast Charge
หูฟังแบบ in-ear ที่ไม่ได้ให้ซิลิโคนสำรองมา มีติดมากับหูฟังชุดเดียวเท่านั้น เพราะเป็นตัวราคาระดับกลาง ต่างกับพวก Note หรือ ตระกูล S ที่มักจะแถมซิลิโคนสำรองต่างขนาดมาให้เลือกเปลี่ยน
สำหรับคนขี้กังวล พี่บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง ปกติซิลิโคนสำรองก็ไม่ค่อยได้แกะออกมาใช้อยู่แล้ว เพราะขนาดที่เค้าให้มาเป็นขนาดมาตรฐานคนเอเชีย ใส่ใช้งานได้สบายหูทีเดียว
ที่จิ้มซิมขนาดมาตรฐานดูดีกว่าอีกค่ายที่หน้าตามันเป็นลวดหนีบกระดาษชัด ๆ
การที่มีแป้นแบน ๆ ด้านบนทำให้การถือจับถนัดมือ ปลายของเข็มจิ้มซิมเป็นหัวมน เวลาจิ้มโดนตัวเครื่องไม่ต้องกลัวทำเครื่องเป็นรอยอีกต่อไป….สินค้าของซัมซุงในปัจจุบันเริ่มลงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในผลิตภัณฑ์มากขึ้น มีการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา จากอดีตที่เคยก๊อปคนอื่นเพื่อโต ตอนนี้พัฒนาตัวเองหนีคู่แข่งด้วยทีมพัฒนาที่แข็งแกร่ง
เครื่องมีขนาด 161.7 x 80.9 x 7.9 มม. หน้าจอ 6.0 นิ้ว Full HD 1080p ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ใหญ่กว่า Galaxy Note 5 พอสมควร ถือแล้วใหญ่ล้นมือผมเลย
ขุมพลังขับเคลื่อนด้วยซีพียู Snapdragon 652 Quad-Core ความเร็ว 1.8 GHz + 1.4 GHz พร้อมแรมเยอะสะใจ 4 กิ๊ก
และ หน่วยความจำภายใน 32 กิ๊ก เรียกว่าสเปคจัดเต็มสมกับคำว่า “Pro” จริง ๆ โดยการใช้งานเบื้องต้นเท่าที่ลองได้ชั่วโมงกว่า ๆ ผมว่าเร็วดีในด้านการเข้าถึงการใช้งานต่าง ๆ ถ่ายรูป โทรศัพท์ และ โปรแกรมที่ติดมากับเครื่อง รวมถึงเฟสบุ๊ค
ส่วนเกมส์ และ แอพฯ เสริมอื่น ๆ ยังไม่ได้ลอง
ตัวเครื่องเป็นโลหะแบบชิ้นเดียว หรือ Unibody คือมีเพียงบอดี้ ประกอบกับหน้าจอเท่านั้น เปิดฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้ ซึ่งคงไม่ใช่ประเด็นสำหรับ A9 Pro เพราะมันยัดแบตอลังการงานสร้างระดับ 5,000 มิลิแอมป์ ที่มันเยอะกว่า Power Bank ของผมซะอีก
ด้วยการมีแบตมหาอึดนี้เองที่ทำให้เจ้า A9 Pro มีน้ำหนักค่อนข้างมากถึง 210 กรัมดัวยกัน ดูตัวเลขแล้วเหมือนไม่เยอะแต่ถ้าเทียบกับ Galaxy Note 5 ในมือที่หนัก 171 กรัมแล้วหล่ะก็ มันหนักพอสมควรเลย
ปราดแรกที่หยิบเจ้า A9 Pro ขึ้นมา ความรู้สึกแรกคือ “พระเจ้า แ_่ง หนักมาก”
ต่างกับตอนที่ไปลองเล่น A9 (2016) ที่ช๊อปฮ่องกง ตอนนั้นปราดแรกคือ “โอ้โห จอใหญ่สะใจดีหว่ะ”
ด้านหลังเนื่องจากเป็นรุ่นที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี ออกขายจริงตั้งแต่หลายเดือนก่อน ดีไซน์โดยรวมจึงเป็นไปในแนวทางเดียวกับ A Series ที่ได้รีวิวไปแล้วกับ รีวิวแกะกล่อง Samsung Galaxy A5 ปี 2016 สีทอง สวยหรู ราคา 13,900 บาท โดยด้านหลังเป็นแบบกระจกพื้นสีทอง
ต่างกับรุ่นใหม่ ๆ ที่ปรับดีไซน์กันไปแล้วอย่าง รีวิวแกะกล่องพร้อมสเปค Samsung Galaxy C5 – รัก iPhone ชอบ Samsung ต้องตัวนี้เลย
กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.9 สัดส่วน 4:3 เก็บภาพได้กว้าง และ ใกล้กว่าเดิม เสริมทัพด้วยระบบกันสั่น OIS และ แฟรช LED 1 ดวง ซึ่งเจ้า A9 Pro นี้ ชุดกล้องของ Galaxy A9 Pro อัพเกรดจาก 13 ล้าน ใน A9 ตัวธรรมดาที่ไม่เข้าไทย และ A7 (2016) ที่ตอนนี้จัดโปรโมชั่นลด 2,000 บาท คือจะลดราคาก็กลัวน่าเกลียด เลยจัดโปรยาว ๆ แทน 555
ใครมองว่า A9 Pro ใหญ่ และ หนักเกิน ไปเอา A7 ตอนนี้โอกาสมาแล้ว
ส่วนกล้อง 16 ล้านของ A9 Pro นั้นเบื้องต้นยังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ไว้ลองถ่ายจริงจังแล้วจะมารีวิวให้ฟังอีกที
ด้านหน้าส่วนบนอันคุ้นเคยกับลำโพงสนทนาโทรศัพท์ขนาดปกติ ไม่ได้ใหญ่ตามขนาดหน้าจอนะ ดูสมส่วนสบายใจได้
ด้านข้างเป็นกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาตรฐานของซัมซุงในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมระบบตาโต หน้าเด้ง แก้มเรียวครบ จะขาดก็แต่ไม่มีแฟรชหน้าเท่านั้น
อีกด้านหนึ่งที่เห็นกลม ๆ ดำ ๆ เป็นเซ็นเซอร์หน้าจอ และ ไฟ LED แสดงสถานะ เท่าที่เห็นแสดงตอนชาร์จไฟ พวกอีเมลไม่เห็นเตือนนะ
ด้านล่างก็ปกติตามประสาซัมซุง ปุ่มโฮมขอบทอบตามสีตัวเครื่องสวยงามมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ
ขวามือของตัวเครื่องเป็นปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียงตามปกติ และ ตัวปุ่มก็มีขนาดปกติพอ ๆ กับ Note 5 นะ ไม่ได้ขยายให้ดูใหญ่ขึ้นแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเค้าทำหน้าจอ 6 นิ้ว ตัวเครื่องใหญ่ แต่บรรดาปุ่ม และ ส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ได้ขยายขนาดตามไป ทำให้โดยรวมดูไม่เทอะทะนัก
Note 5 หนา 7.6 มม. ส่วน A9 Pro หนา 7.9 มม. ซึ่งดูแล้วความหนาของตัวเครื่องก็พอ ๆ แต่ด้วยหลังที่โค้งมนของ Note 5 ทำให้เวลาถือใช้งานแล้วรู้สึกว่า A9 Pro หนา เทอะทะกว่าเยอะ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม Power และ ช่องใส่ซิมแบบ 2 ซิม ขนาด นาโน หรือ เล็กที่สุด โดยสามารถใช้งาน 3G ได้ทั้งสองซิม ที่สำคัญเค้าไม่ได้ให้ 2 ซิมพิการแล้วนะครับ แต่เป็น 2 ซิมจริง ๆ โดยช่องใส่เมมแยกออกไปอยู่อีกที่นึงเลย
……..ดีใจน้ำตาไหล…….
ตอนนี้ผมเจอปัญหาการใช้งาน 2 ซิมบน Note 5 เครื่องนอก เพราะช่องซิม 2 ผมใช้ AIS รับสาย-โทรออกด้วยสัญาณ 2 จี โดยตัวเครื่องอนุญาติให้ใช้ 3G/4G ได้เพียงซิมเดียว ประจวบกับตอนนี้ AIS ปรับคลื่นความถี่ 900 ทำให้ไม่สามารถใช้ 2G ได้ในบางพื้นที่ หรือ ที่เค้าเรียกซิมดับ
พอมาเจอ Galaxy A9 Pro ที่สามารถใช้งาน 3G ได้ในซิม 2 ทำให้ปัญหาหมดไป เย้ ๆ ๆ
ด้านบนเรียบง่ายตามสไตล์ซัมซุง มีรูไมโครโฟนอัดเสียง และ ช่องใส่เมมโมรี่การ์ดแบบ MicroSD รองรับสูงสุด 128 กิ๊กกันเลยทีเดียว
ตอนที่ไปซื้อเครื่องได้รับแถมแมมของซัมซุงความจุ 16 กิ๊กมาด้วยแต่เป็นแบบธรรมดา เอาไปแจกใครก็ได้แล้วหันไปหาซื้อแมมดี ๆ ที่อย่างน้อยควรเป็น Class 10 ที่ความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูง ๆ จะดีกว่า เพราะมือถือกลับมาเพิ่มช่องใส่เมมให้เรากันถ้วนหน้า เมมเราคงได้ใช้งานหนัก ๆ กันอีกหลายปี ซื้อดี ๆ ไปเลยทีเดียว
ของผมใช้ Sandisk Extreme สีทอง ถือว่าเร็วมากแล้ว แต่หากเอามาดูหนังไฟล์ใหญ่ ๆ ชัด ๆ บางทีอันก็อ่านช้าไปนิดนึง แต่เอามาถ่ายรูป ถ่ายวีดิโอยังเร็วเหลือเฟือ
ด้านล่าง หรือ ตูดเครื่องกับรูปแบบที่คุ้นเคย ยังคงช่อง USB เอาไว้ ยังไม่ใช้ USB C เหมือน Huawei P9 Plus ที่หลาย ๆ คนชมเชยเพราะมันโอนถ่ายข้อมูลเร็วกว่า USB เยอะมาก
แต่สำหรับผมร้องว่า “ขอบคุณพระเจ้า” ที่ไม่ได้ให้ช่อง USB C มาเพราะตอนนี้อุปกรณ์ส่วนมากในมือเป็น USB ธรรมดา สลับอุปกรณ์๋กันใช้ง่ายหน่อย
ส่วนเจ้า Huawei P9 Plus อีกเครื่องตอนนี้ปิดเครื่องนอนนิ่งเพราะลืมเอาสาย USB C กลับมาจากออฟฟิส O_O*
Samsung Galaxy A9 Pro (2016) ที่ชื่อแม่งโคตรยาวนี้ มาพร้อมความโปรด้วยแรมจัดเต็มถึง 4 กิ๊ก เทียบเท่า Note 5 และ S7 ตัวเทพกันเลยทีเดียว โดยเปิดเครื่องแล้วอัพเดทแอพฯ ต่าง ๆ จนเสร็จ เหลือแรมใช้งานจริง ไม่เกิน 2 กิ๊ก โดยแรมทั้งหมดโดน TouchWiz UI นำไปใช้ซะเยอะ โดยแรมที่เหลือนั้นพอ ๆ กับ Note 5
บทสรุปเบื้องต้น
ใหญ่ หนา หนัก
คือ นิยามที่ผมตั้งให้แบบ “จิกกัด” ถ้าจะให้อวยจะตั้งว่า จอใหญ่ กล้องเทพ แบตอึด
ตอนไปจับ A9 (2016) เครื่องนอกเล่นยังติดใจในความใหญ่ จอสวย และ ไม่หนักขนาดนี้ แถมยังบางกว่า Note 5 อีกต่างหาก ทำให้รุ่นอัพสเปคอย่าง A9 Pro ได้รับความคาดหวังจากผมสูง
ความรู้สึกเมื่อมาจับ A9 Pro ครั้งแรก คือ มันหนัก และ เทอะทะมากกกกกกกกก เหมือนถือหินก้อนนึงที่เทอะทะหาส่วนโค้งเว้าไม่เจอ ต่างกับซัมซุงรุ่นอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ฟิลลิ่งประมาณถือก้อนอิฐก้อนหนึ่ง
หลังจากพยายามให้อภัยในความหนักของมัน แล้วหลอกตัวเองว่า “เฮ้ย เบากว่าพกมือถือ + แบตสำรอง นะเว้ย”
แต่……ปกติพี่หน่ะไม่ได้พกแบตสำรองไง!!!!!
ใช้งานผ่านไปไม่นาน หน้าจอใหญ่ ๆ กับแบตอึด ๆ ของมันที่ทำให้การใช้งานสะดวก และ ไม่ต้องกังวลว่ามือถือจะดับกลางคันทำให้เรื่องความหนักดูลดความสำคัญในการตัดสินใจลงไปในทันที
หน้าจอแม้จะเป็นเพียง Full HD ที่ขยายหน้าจอเป็น 6 นิ้ว ความละเอียด ความสวยงามของหน้าจอยังคมชัดดูดี ซีพียู 1.8 กิ๊ก ทำให้การใช้งานทั่วไปของผมลื่นไหล บวกกับแรม 4 กิ๊ก ทำให้ตัวเครื่องทำงานหลายอย่างได้โดยไม่มีอาการหน่วงให้เห็น
ระบบ 2 ซิมแบบมาเต็ม พร้อมช่องใส่เมมแยกไม่พิกลพิการเหมือนที่ผ่านมา ทำให้เจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ได้ใจผมไปเต็ม ๆ
โดยรวมแล้วถ้าเป็นคนชอบจอใหญ่เบ่อเร่อ และ ใช้งานต่อวันหนักมากจนต้องพกแบตสำรองเป็นประจำ ผมว่าเจ้า Galaxy A9 Pro เป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ ด้วยราคาค่าตัวเพียง 15,900 บาท
รีวิวอื่นของ Samsung Galaxy A9 Pro (2016)
- รีวิวยักษ์อึด Galaxy A9 Pro ภาคทดสอบกล้องถ่ายรูป 16 ล้าน f/1.9
- รีวิว Samsung Galaxy A9 Pro ภาคจบพร้อมคลิปสรุป มันคู่ควรความหนักหรือไม่
- รวบตึงพิสูจน์กล้อง Huawei P9 Plus vs Note 5 vs A9 Pro vs iPhone 6s ใครเจ๋งกว่ากัน
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ
พี่อยากได้สีขาว แต่ดันได้สีทอง แต่ผมอยากได้สีทอง กำสีทองหมดดันได้สีขาวมาแทน