แกะกล่อง พร้อมสเปคเทียบ มันแตกต่างกับรุ่น 12.9 อย่างไร น่าซื้อใช้หรือไม่ สีชมพูจะสวยแค่ไหน ที่นี่มีคำตอบ
เปิดตัว และ วางจำหน่ายไปสักระยะแล้วกับ iPad Pro รุ่นใหม่หน้าจอเล็กลงจาก 12.9 นิ้ว เหลือ 9.7 นิ้ว ซึ่งคือการเอา iPad Air 2 มาจำแลงแปลงกายด้วยการเปลี่ยนซีพียู กล้อง ระบบปฏิบัติการที่รองรับ Apple Pencil และ สุดท้าย เพิ่มลำโพงจาก 2 ตัวเป็น 4 ตัว รอบทิศทาง พร้อมราคาค่าตัวที่เพิ่มขึ้นอีกเพียงไม่กี่พันบาท
แรก ๆ พี่อาร์ตก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะมี iPad Mini อยู่แล้ว
แต่ปัจจัยในการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ค่อยมีเวลานั่งโต๊ะทำงาน และ ต้องการอุปกรณ์ในการออกแบบ ดังนั้น iPad Pro + Apple Pencil จึงเป็นคำตอบที่น่าจะดี…….รีวิวนี้จึงเกิดขึ้นมา ^^
iPad Pro 9.7 Specs
- ขนาดตัวเครื่อง 240 x 169.5 x 6.1 มม.
- น้ำหนัก 437 กรัม
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 9.7 นิ้ว แบบ TrueTone ให้สีสมจริง
- ความละเอียด 1536 x 2048 (264 ppi)
- ซีพียู Apple A9X แบบ Dual Core 2.16 กิ๊ก 64 บิต แรงที่สุดของ Apple
- โปรเซสเซอร์ร่วม M9 เพิ่มศักยภาพการประมวลผล และ กราฟฟิก
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล f/2.2 พร้อมฟีเจอร์ Live Photo และ แฟรช True Tone
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ HDR อัตโนมัติ ถ่ายวิดีโอความละเอียด 720p
- ลำโพงสเตอริโอรอบด้าน 4 ชุด
- ระบบ TouchID
- รุ่นใส่ซิม ใช้ซิมขนาด Nano SIM รองรับ 4G LTE
- ความจะแบตเตอรี่ไม่เปิดเผย แต่เค้าบอกว่าใช้งานได้ต่อเนื่อง 9-10 ชั่วโมง
- มีสีดำ เงิน ทอง และ ทองชมพู
ราคา iPad Pro 9.7 Wi-Fi (ใส่ซิมไม่ได้)
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 32 GB ราคา 22,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 128 GB ราคา 28,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi ความจุ 256 GB ราคา 34,900 บาท
ราคา iPad Pro รุ่น 9.7 Wi-Fi + Cellular (ใส่ซิมได้)
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi + Cellular ความจุ 32 GB ราคา 27,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi + Cellular ความจุ 128 GB ราคา 33,900 บาท
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว Wi-Fi + Cellular ความจุ 256 GB ราคา 39,900 บาท
ผมซื้อ Power Buy ใช้คะแนน The One Card แลกลดราคา โดย 1,000 คะแนนลดได้ 100 บาท
จากนั้นใช้ Cenral Card ผ่อน 0% เพื่อรับส่วนลด หากผ่อน 4 เดือนจะลด 4% หรือ ผ่อน 10 เดือนลด 3%
แบบนี้ราคาถูกกว่าซื้อเครื่องนอกมาบุญครองเสียอีก
มาดูแกะกล่องเครื่อง iPad Pro 9.7 รุ่นใส่ซิมได้ สี Rose Gold กันก่อน…..มันจะสวยขนาดไหน
เครื่องศูนย์ไทย ด้านหลังจะมีสติ๊กเกอร์ภาษาไทยบอกรายละเอียดชัดเจน ส่วนเครื่องนอกจะไม่มีภาษาไทยแต่รับประกันทั่วโลกเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนไอโฟนที่รับประกันจากประเทศที่ซื้อมาเท่านั้น
อุปกรณ์ในกล่องประกอบด้วย
- iPad Pro 9.7 นิ้ว
- สาย Lightning ดาต้า/ชาร์จ
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้าน
- เข็มจิ้มซิม
ชุดสายดาต้า และ อะแดปเตอร์ชาร์จไฟบ้านที่คุ้นเคย ไอแพดรุ่นใหม่ทุกรุ่นไม่ว่าจะ Air หรือ Mini ก็ได้ชุดแบบนี้มา ข้อดีคือ ใช้ร่วมกับของเดิมที่มีอยู่ ไม่ต้องแกะอุปกรณ์ใหม่มาใช้เลย
เข็มจิ้มซิมหน้าตาเหมือน “ลวดหนีบกระดาษ” หน้าตาขัดใจพี่อันเดิม
iPad Pro 9.7 นิ้วที่ดูเผิน ๆ มันคือ iPad Air 2 ดี ๆ นี่เอง ทั้งขนาด และ น้ำหนัก คือมันเท่ากันเป๊ะ เลยทำให้สงสัยว่าการที่เพิ่มลำโพงจาก 2 ตัวเป็น 4 ตัว เปลี่ยนชุดกล้องใหม่แล้วมันไม่ได้ทำให้น้ำหนักต่างกันแม้แต่กรัมเดียวเลยหรือ
ด้านหลังสี Rose Gold สวยกระชากวิญญาณ ยิ่งใช้คู่กับ iPhone สี Rose Gold ด้วยแล้วหล่ะก็ มันช่างเข้ากันจริง ๆ
สิ่งที่จะสังเกตุได้ง่าย ๆ ว่าเป็นรุ่น Pro นอกจากสี Rose Gold ที่เมื่อใส่เคสจะมองไม่เห็นแล้ว
สามารถสังเกตุที่ลำโพงบนหัวเครื่องที่มีเพิ่มมาอีก 2 ตัว ให้เสียงกระหึ่มสะใจมาก จาก iPad Air2 ที่ เปิดเสียงครึ่งนึงเวลานั่งดูในห้องนอน ต้องปรับมาเปิดเสียงแค่ 2 ขีดเท่านั้น
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องก็เหมือนเดิมคือ ปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง ส่วนมุมหลังเครื่องจะเป็นกล้องนูน ๆ ขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรชแบบ True Tone ถ่ายแล้วหน้าไม่ขาวเว่อร์อีกต่อไป
ถัดลงมาจากปุ่มปรับเสียง จะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM ขนาดมาตรฐานของ Apple ปัจจุบัน
ด้านขวาของตัวเครื่องเรียบง่ายไม่มีอะไร เพราะต้องเอาไว้วางกับพี้นโดยมีช่องต่อกับ Keyboard ที่เห็นเป็นจุด 3 จุดนี่แหละ ถอย Keyboard ที่เป็นเคสในตัวของ Apple ราคาครึ่งหมื่นมาใช้ จะมีแม่เหล็กเชื่อมติดพอดี แน่นหนา รีวิวเมืองนอกเค้าว่าพิมพ์ง่ายแต่เล็กไปนิด
สำหรับพี่อาร์ต….ยังก่อนนะ เก็บเงินครึ่งหมื่นไว้ก่อน เมื่อรู้สึกว่าจำเป็นจริง ๆ ค่อยมาซื้อไม่เสียหาย
กล้องหน้า 5 ล้าน เอาไว้ Face Time หรือ VDO Call สวย ๆ
ใครมั่นใจมาก ๆ จะยกขึ้นมาถ่ายเซลฟี่ก็ไม่ผิดกติกา
แต่พี่ขอผ่านนะ…….เขิล
ปุ่มโฮมแบบมี Touch ID วงแหวนสี Rose Gold เงาวิ้งเหมือนขอบตัวเครื่อง การใช้งานตอบสนองรวดเร็ว
หน้าจอก็มีขนาด และ ความละเอียดเช่นเดียวกัน แต่…..รุ่น Pro เพิ่มโหมดการแสดงผลแบบ True Tone ที่ให้สีสรรเสมือนจริงมากกว่า แถมยังปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแสงขณะใช้งานด้วย
ส่องรอบตัวเครื่องมาหมดแล้ว บอกเลยว่าหน้าตาโดยรวมเมื่อเทียบกับ iPad Air 2 แทบจะเท่ากันเป๊ะ นอกจากกล้องของ Pro 9.7 ที่นูนกว่า และ มีลำโพงอยู่ด้านบนหัวเครื่องที่จะทำให้เรามองแล้วรู้ว่ามันคือ Pro
หากคุณลังเลระหว่าง Pro 9.7 กับ iPad Air 2…..ผมบอกเลย เพิ่มอีกนิดหน่อยเอา Pro ให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่า แรงกว่าเห็น ๆ
iPad Pro 9.7 VS 12.9 นิ้ว
หน้าตาภายนอกเมื่อมาเทียบกับรุ่น 12.9 นิ้วนั้น มันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ต่างกันตรงขนาดเท่านั้น เรียกว่าดูรูปเฉย ๆ อาจไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหน แต่นั่นเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น และ เป็นความเข้าใจตอนแรกของหลาย ๆ คนว่ามันคือ iPad Pro 12.9 ย่อส่วน
จริง ๆ แล้วมันมีอะไรแตกต่างกันจนเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อได้เหมือนกันนะ
มีอะไรต่างกับ iPad Pro รุ่นพี่จอ 12.9 นิ้วบ้าง???
ใครอยากรู้ว่า iPad Pro 12.9 กับ 9.7 ต่างกันยังไงบ้างไปดูที่ลิ้งค์นี้ http://www.apple.com/th/ipad/compare/
หรือถ้าจะให้บอกสั้น ๆ มันก็ต่างกันประมาณนี้
- หน้าจอขนาดต่างกัน 9.7 นิ้ว กับ 12.9 นิ้ว
- ความละเอียดต่างกัน โดย 9.7 มีความละเอียดเพียง 2048 x 1536 น้อยวกว่ารุ่น 12.9 ที่มีหน้าจอละเอียดถึง 2732 x 2048
- หน้าจอ 9.7 มี True Tone Mode เพื่อปรับสีของหน้าจอให้เข้ากับแสงขณะใช้งาน แต่ 12.9 ไม่มี
- แน่นอนว่ารุ่น 9.7 เบากว่าที่ 437 กรัม แต่รุ่น 12.9 หนักถึง 723 กรัม
- รุ่น 9.7 ได้กล้อง 12 ล้านพิกเซล f/2.2 ดีกว่ารุ่น 12.9 ที่มีเพียง 8 ล้านพิกเซล f/2.4
- รุ่น 9.7 มีกล้องหน้า 5 ล้าน มากกว่า 12.9 ที่ให้มาแบบกาก ๆ เพียง 1.2 ล้านพิกเซล
- รุ่น 12.9 นิ้วไม่มีสีชมพู 555
iPad Pro 9.7 แรงน้อยกว่า!!!!
- แม้ทั้งสองรุ่นจะใช้ CPU A9X เหมือนกัน แต่รุ่น 9.7 ดันมีความเร็วแค่ 2.16 GHz แรงน้อยกว่ารุ่น 12.9 ที่จัดเต็ม 2.26 GHz
- รุ่น 9.7 ได้แรมแค่ 2 กิ๊ก ขณะที่ 12.9 ได้แรมจัดหนัก 4 กิ๊ก
จากปัจจัยสำคัญ 2 อย่างข้างต้นส่งผลให้การใช้งานบน 9.7 สู้ 12.9 ไม่ได้แบบที่ลองเปิดแอพฯ แล้วรู้สึกได้เลย
แล้วมันทำงานอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร???
เพิ่งซื้อมาใช้ได้แค่ สัปดาห์เดียว คงตอบยาก เอาเป็นว่าผมจะเล่าจากประสบการณ์ตอนลังเลสุดชีวิตของทั้ง 2 รุ่นนี้ตอนไปซื้อให้ฟังแล้วกัน
กำบัตรเครดิตไปอย่างมั่นใจว่าจะเอา 9.7 นิ้ว ระหว่างรอพนักงานไปหยิบเครื่อง หันไปเล่นเจ้า 12.9 ได้เพียง 2 นาที เกิดอาการลังเลขึ้นมาโดยพลัน แหมมมมมม หน้าจอ 12.9 นิ้ว มันช่างเหมาะกับการใช้วาดรูปจริง ๆ ที่สำคัญโจทย์ผมซื้อมาวาดรูปโดยเฉพาะดัวยสิ
หลังจากลองเล่นทั้ง 2 เครื่องผ่านไป 10 นาทียังเลือกไม่ถูก
iPad Pro 12.9 นิ้ว ใหญ่สะใจ ใช้งานง่าย ใช้แอพฯ วาดรูปแล้วรู้สึกว่าเร็วกว่า การวางมือต่าง ๆ มันสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญเวลาวาดให้ลูกค้าดูแล้วดู “โปร” จริง ๆ
iPad Pro 9.7 นิ้ว เล็กกว่า พกพาสะดวกกว่า ถือมือนึง วาดมือนึงไม่เมื่อยเท่าไหร่
เดินไปเอากระเป๋าสะพายมาลองใส่ทีละเครื่อง……จบเลยครับ iPad Pro 12.9 ถือเครื่องเปล่า ๆ ไม่ค่อยหนัก พอเอาใส่กระเป๋สะพายแล้วมันหนัเหมือนกันแฮะ นี่ขนาดยังไม่ใส่เคสนะเนี่ย
สุดท้ายตัดสินใจเอา 9.7 ครับ เพราะโจทย์ผมคือ เดินทางไปด้วย วาดรูปไปด้วย ดังนั้น “น้ำหนัก” มีผลต่อการตัดสินใจสูง
ส่วนใครคิดว่าจอใหญ่ทำงานง่ายกว่า เช็คอีเมล เปิดเวป ใช้งานเอกสาร……ราคานี้ น้ำหนักแบบนี้ พก Ultrabook หรือ MacBook เหอะ ถูกกว่า ทำงานได้มากกว่า
ใช้งานจริง ๆ ได้สักระยะแล้วจะมารีวิวสรุปให้ฟังอีกครั้ง
ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ
_________________________________________________________________
หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย
ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ