ฮัลโหล ๆ พื่่น้องสาวกบีบีทุกท่าน วันนี้ xenon_art ขอพามาชมรีวิวแรกสัมผัสน้องเล็กคนล่าสุดจาก Research In Motion คือ Curve ในรหัส 9380 ที่เป็นแบบจอทัชสกรีน ไม่มีปุ่ม qwerty เดิม ๆ อีกต่อไป ฉีกแนวจากหน้าตามาตรฐานของบีบี หรือ สามารถเรียกได้ว่าเจริญรอยตามรุ่นพี่จอทัชสกรีนอย่าง Torch 9860 ด้วยรูปลักษณ์ และ การใช้งานที่เกือบจะเหมือนกันเลยทีเดียว

9380 นั้นได้แนวคิดมาจากการที่ตลาด smartphone ปัจจุบันนั้นมีปริมาณผู้่ใช้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตลาดที่โตขึ้นส่วนมาผันตัวเองจากผู้ใช้โทรศัทพ์ธรรมดา (Feature Phone) หันมาใช้ smartphone ซึ่งมีราคาลดลงจากเมื่อก่อนมาก เรียกว่าเดี๋ยวนี้ราคาแทบไม่ต่างจากโทรศัพท์ธรรมดาสักเท่าไหร่นัก ทำให้ตลาดมีความหลากหลายมากขึ้น มีความต้องการที่แตกต่างมากขึ้น จุดนี้เองที่ RIM หรือ Research In Motion เจ้าของแบรนด์ Blackberry ที่ครองใจสาวกในประเทศไทยมากมาย จึงผลิต Blackberry ออกมาหลายรุ่น หลายแบบในปี 2011 ที่ผ่านมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ความต้องการที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคน และ ราคาตัวเครื่องที่หลากหลาย ทำให้สาวกบีบีสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะกับตัวเองที่สุด เป็นตัวเองที่สุด

จริง ๆ แล้วน้อง Curve 9380 นั้นเปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปี 2011 แต่เพิ่งเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง น้อง Curve 9380 นั้นเป็นตระกูล Curve ซึ่งถือเป็นรุ่นที่มีราคารไม่แพง สมเหตุสมผล หากใครเคยใช้น้องบีบีตระกูล Curve มาก่อนคงทราบดีว่าเป็นรุ่นสุดคุ้ม น้อง Curve 9380 นี้เป็นแฝดคนละฝากับ Curve 9360 แบบมีปุ่มที่วางขายในบ้านเราเมื่อปลายปีก่อน เสปคแทบไม่ต่าง การทำงานโดยรวมแทบไม่ต่าง สิ่งที่ต่างกันคื้อ 9380 ตัวนี้นั้นทำมาเพื่อรองรับคนที่ต้องการ Curve แต่อยากได้จอใหญ๋ ๆ แบบทัชสกรีนตามเทรนแอนดรอย์บ้าง อะไรบ้าง และ สำหรับคนที่ใช้แบบมีคีย์บอร์ดมาตลอดที่อยากลองทัชสกรีนบ้าง แต่ไม่อยากถอยรุ่นพี่อย่าง Torch 9860 (ที่ปัจจุบันราคาปรับลดลงมาอยู่ที่ 15,990 บาท)

9380 นักเป็น Blackberry จอทัชสกรีนในตระกูล Curve ตัวแรก ในราคาเปิดตัวที่ 10,900 บาท และ ยังเปิดตัวด้วยการแถมภาพยนตร์ The LXD ถึง 2 ภาคด้วยกับ (แนบมากับ MicroSD ข้างกล่อง) โดยหนังทั้ง 2 ภาคนี้ยังไม่เข้าโรงในประเทศไทย แต่คนชอบหนังแนวเต้น ๆ มีอยู่เยอะจนในประเทศไทยมี facebook fanpage ของหนังเรื่องนี้เลย (ตกใจมาก) คือ TheLXDTH

ว่าแล้วก็มาชมตัวเครื่องน้อง 9380 กันเลย

Posted Image

รูปด้านหน้าสวยงามมาก หน้าจอใหญ่เต็มพื้นที่

Posted Image

เวลาอยู่ในมือใหญ่ ๆ ของผมก็กำลังดีไม่เล็กเกินไป ไม่ใหญ่เกินไป ที่สำคัญเบามาก ๆ

Posted Image

ด้านหลังเรียบง่ายไม่ต้องเยอะ พร้อมโลโก้ Blackberry สีเงินโดดเด่นบนพื้นสีดำ

Posted Image

ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็ตามมาตรฐาน จากบนลงมาคือ ปุ่มเพิ่มเสียง, ปุ่มปิดเสียง, ปุ่มลดเสียง และ สุดท้ายด้านล่างเป็นปุ่มเปิดกล้องถ่ายรูป

Posted Image

ด้านขวาของตัวเครื่องไม่มีอะไรเยอะ มีเพียงช่องเสียบสายชาร์/สายดาต้า แบบ Micro USB มาตรฐาน Smartphone ปัจจุบัน

Posted Image

ด้านบนตรงกลางเป็นปุ่มล็อคหน้าจอ กดสะดวก และ แข็งกว่า Curve รุ่นก่อน ๆ ทำให้ไม่เผลอไปโดนและปลดล็อคโดยไม่ตั้งใจ (เดี๋ยวงานเข้า)

Posted Image

ด้านล่างเรียบ ๆ ไม่มีอะไร สวยไปอีกแบบ

Posted Image

ปุ่มกดขบวนการ Ranger 5 ปุ่มตามปกติ ตัวปุ่มจะเรียบเป็นระนาบเดียวกันทั้งหมดเช่นเดี่ยวกับ Curve 9360 แบบมี Keyboard

Posted Image

กล้อง 5 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับฝาแฝดแบบมีปุ่ม 9360 ที่ไม่มี Auto Focus เพราะทาง RIM ต้องการให้สามารถเก็บภาพได้ทันใจ แต่ต้องแลกกับการที่ไม่สามารถถ่ายรูปใกล้ ๆ ต่ำกว่า 1 ฟุตได้ แต่ระยะปกติชัด และ เร็วกว่า Curve รุ่นก่อน ๆ เยอะเลย ด้านข้างเป็นไฟแฟรช LED สว่างบาดตา

Posted Image

ด้านล่างของฝาหลัง (ฝาปิดแบตเดอรี่) จะเป็นช่องลำโพงภายนอก ให้เสียงเกินตัว เสียงดังชัดเจน

Posted Image

เปิดฝาครอบแบตเตอรี่ออกมาก็เจอกับแบตรหัส JM1 ที่คุ้นเคย เพราะแบตตัวนี้ใช้กันได้กับ Blackberry 9900, 9860 และ 9790 เลย

Posted Image

ช่องใส่มีเดียการ์ด แบบไมโครเอสดี อยู่ด้านบนเหนือแบตเตอรี่ เวลาเปลี่่ยน หรือ ถอดมีเดียการ์ด ไม่ต้องถอดแบตอีกต่อไป สะดวกมาก ๆ

Posted Image

หน้าจอสวยสดใสมาก ๆ กับหน้าจอ 3.2 นิ้ว กับความละเอียด 480 x 360 pixel ละเอียดกว่า Curve รุ่นก่อน ๆ มาก ๆ เลย เรียกว่าคุ้มสุด

Posted Image

การดูรูป และ เข้าถึงไฟล์ต่าง ๆ บน Blackberry Curve หน้าจอท้ชสกรีนขนาด 3.2 นิ้ว ทำได้สบายตาสบายใจ

Posted Image

สีสรรของหน้าจอ สว่าง สดใส และ คมชัดเกินราคา

Posted Image

และแล้วก็มาวางคู่กับฝาแฝดแบบมีปุ่มซะหน่อย หน้ากันตัวเครื่องขนาดเท่ากันเป๊ะ ๆ ปุ่มขบวนการ Ranger 5 ปุ่มก็เกือบจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ ต่างกันเพียงว่า 9360 เป็นแบบมีคีย์บอร์ด แต่ 9380 เป็นแบบทัชสกรีน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่ไม่เหมือนกัน

Posted Image

มาดูด้านด้านหลังไม่รู้เลยว่าเครื่องไหนเป็น 9360 เครื่องไหนเป็น 9380

Posted Image

ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่องทั้งคู่ เป๊ะมาก

Posted Image

ปุ่มล็อคหน้่าจอด้านบนก็เป๊ะ ๆ เช่นกัน

Posted Image

ด้านล่างต่างกันเล็กน้อยตรงที่ 9360 (Curve แบบมีปุ่ม) จะมีรูไมโครโฟน แต่ 9380 (Curve แบบทัชสกรีน) จะไม่มี แต่เวลาใช้งานก็คุยชัดเจนดี

Posted Image

ด้านขวาของตัวเครื่องต่างกันชัดเจน คือช่องเสียบสายชาร์ด/สายดาต้า จะไม่ตรงกัน ทำให้ไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้ ผมเคยลองใช้แล้ว ใส่พอดีแต่ตอนชาร์ตต้องถอดเคสออก

Posted Image

หน้าจอต่างกันพอสมควร การดูรูป และ เล่นมีเดียต่าง ๆ ให้อารมณ์ต่างกันเยอะมาก เรียกว่าจอใหญ่ได้เปรียบ

Posted Image

ตั้งแต่ปลายเดือน มกราคม 2012 เป็นต้นไป RIM จะแถมหนังเรื่อง The LXD เต็ม ๆ เรื่องให้ 2 ภาคเลย หนังสนุกมาก (แถมฟรีอีกต่างหาก) ยังไม่เคยเข้าโรงเมืองไทยนะ เค้าจะแถมผ่านัวแทนจำหน่ายไปจนกว่าของจะหมด

และเนื่่องด้วยเป็นภาพยนตร์ลิขสิทธิ์จาก พาราเมาท์พิกเจอส์ จึงต้องมีการทำ DRM หรือ การป้องกันไฟล์ด้วยเหตุผลทางลิขสิทธิ์ ทาง RIM ร่วมกันเจ้าของสิทธิ์หนัง The LXD ในประเทศไทย จึงได้ว่าจ้่างนักพัฒนาคนไทยดำเนินการครอบ DRM และ The LXD Player เพื่อใช้ในการเล่นหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่สามารถก็อปหนังไปเล่นกับเครื่องรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่ได้แถมหนังเรื่องนี้ได้ (ฝีมือน้องนักพัฒนาคนไทยของเราเยื่ยมมาก)

ทางเวปเราก็ได้มีกระดาน “ขายตัว” เพื่่อให้นักพัฒนามาลงชื่อ และ เบอร์ติดต่อ เป็นช่องทางรับงาน freelance ด้วยนะครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

Posted Image

แอบเปิด The LXD Player มาดูหน่อยว่าหล่อแค่ไหน

Posted Image

มีเรื่องย่อให้ด้วย เก๋มากมาย…..เอ๊ ๆ ๆ มีปุ่ม resume ให้ด้วยเผื่อดูไม่จบเก็บไว้วันหลังมาดูต่อ

<strOng>สเปคตัวเครื่อง Spec Blackberry Curve 9380

Posted Image
Posted Image

หลังจากได้ลองใช้งานมาสักพัก บอกได้เลยว่าการตอบสนองดีมาก ๆ เร็ว และ ทันใจ นาฬิกาหมุน ๆ ไม่เจอเลยเพราะ Curve รุ่นใหม่ ๆ มีเมมโมรี่ในตัวเครื่องเยอะเกินพอในการรันโปรแกรมใหญ๋ ๆ หรือ รันหลาย ๆ โปรแกรมพร้อมกัน จะเล่นเกมส์ จะแชต หรือ จะดูหนัง ฟังเพลง สบายหายห่วง แถมจอใหญ่ความละเอียด 480 x 360 พิกเซลที่ชัดกว่า Curve รุ่นเก่าแบบหนังคนละม้วน

ตัวเครื่องเบา และ บางมากมาก พกสะดวก สบายมือ ปุ่มกดต่าง ๆ ทำมาได้ลงตัว แต่แอบตินิดนึงว่าปุ่มโทรออก วางสายต้องกดแรงนิดนึง ต่างกับ Curve ตัวก่อน ๆ ซึ่งอาจเป็นผลดีกับบางคนที่ชอบเผลอไปโดนปุ่มแล้วโทรออกเอง…….งานจะเข้า

ปัจจุบันยังไม่มีของเล่น ของแต่ง หรือ เคสอะไรมากัน แต่ผมลองเอาเคส 9360 มาใส่ดูก็ใส่ได้เพียงแต่ช่องเสียบสายชาร์ดถูกเคสบังไป เวลาจะชาร์ตต้องถอดออกมาทุกครั้ง

แบตเตอรี่ทนมากกกกกกก เพราะเป็นเครื่องรุ่นเล็กแต่ใช้แบตเบอร์เดียวกับรุ่นใหญ่ทำให้แบตอึกกว่า 9360 อย่างแรง

กล้อง 5 ล้านพิกเซลชัดดี มีมิติพอสมควร แต่ก็ต้องติตรงที่ไม่มี Auto Focus เช่นเดียวกับ 9360 ทำให้เวลาถ่ายรูปสิ่งของใกล้กว่า 1 ฟุต ภาพจะไม่ชัด แต่ระยะมากกว่านั้นสบายหายห่วงแถมถ่ายเร็วมาก ยกขึ้นมา เล็ง แล้วกดถ่ายแช๊ะ เป็นอันเสร็จ อัพโหลด หรือ แชร์กันได้ทันใจ เหมาะสำหรับการแอบถ่ายเป็นยิ่งนัก 555 (ล้อเล่นนะ)

เบื้องตันเพียงเท่านี้ก่อน หากเพื่อน ๆ สนใจเพิ่มเติม ก็บอกนะครับ เดี๋ยวทำแบบเจาะลึกให้พร้อม VDO Review ตามสไตล์ xenon_art เช่นเคย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับรีวิวแรกสัมผัส Blackberry Curve 9380 จอทัชสกรีนตัวล่าสุดจาก Blackberry ที่ประสิทธิ์ภาพ และ คุณภาพเกินราคาแบบนี้ ใครอยากลอง BBM จอใหญ่ ทัชสกรีน เบื่อปุ่ม ๆ แบบเดิม ๆ ไม่ต้องลังเล สอยได้ทันที

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art