รีวิว iPad Pro 9.7 บทสรุปหลังการใช้งาน

บทสรุป พร้อมข้อคิดเห็นกับ iPad Pro 9.7 นิ้ว มันใช้งานสะดวกหรือไม่ เหมาะสมกับใคร ซื้อดีหรือเปล่า วันนี้มีคำตอบ

ทั่วทั้งโลกตื่นตะลึงเมื่อ Apple เปิดตัว iPad Pro ครั้งแรก กับขนาดมหึมาถึง 12.9 นิ้ว แบบไม่เกรงใจโน๊ตบุ๊คกันเลยทีเดียว ตรงกับข่าวลือที่มีมากว่า 2 ปีพร้อมภาพหลุดออกมามากมายเพื่อ ผมเชื่อว่าเป็นแผนการตลาดขั้นเทพในการสร้างกระแส และ ดึงให้ตลาดชลอตัวไม่ซื้อสินค้าคู่แข่ง (นี่ผมคิดเองคนเดียวนะ ไม่มีหลักฐานยืนยัน)

แต่……ด้วยราคาค่าตัว + Apple Pencil + Keyboard Cover แล้วประมาณครึ่งแสน ผมเลยไม่ได้สนใจมันอีกเลย เอาเงินตรงนี้ไปซ์้อ MacBook สี Rose Gold สวย ๆ + iPad Air 2 อีกเครื่องเหมือนจะดีกว่า

จนมาวันหนึ่ง วันที่เดินทางบ่อยมากจนไม่มีเวลานั่งเขียนแบบ (อีกหนึ่งงานทำมาหากินของพี่) ประกอบกับ Apple เปิดตัวรุ่นเล็ก iPad Pro 9.7 นิ้วที่ราคาไม่ “ฟัน” น่าเกลียดนัก ดูเหมาะกับการพกพามากกว่าเจ้ายักษ์ 12.9 นิ้ว

ไปลองจับปุ๊ป กิเลสมาทันที จนมาเป็นบทความ รีวิวแกะกล่อง iPad Pro 9.7 นิ้วสีชมพู พร้อมวิเคราะห์เทียบ Pro 12.9 ซื้ออันไหนดี

ด้วยโจทย์ที่จะเอามาวาดรูป ออกแบบ เปิดไฟล์เอกสารในอีเมลล์ เข้าเวปหาข้อมูลบ้างเล็กน้อย และ เล่นเฟสบุ๊ค จึงเลือกใช้รุ่นใส่ซิมได้ ความจุน้อยสุด 32 กิ๊ก ซึ่งเป็นพื้นฐานของบทความนี้ที่จะเน้นรีวิวไปทางด้านนี้โดยเฉพาะ

เริ่มต้นหลังจากมีเครื่องแล้ว ขาดไม่ได้เลยคือ Apple Pencil

ดินสอบลูทูธ Apple ค่าตัว 3,900 บาท….แพงได้ใจตามสไตล์ “ฉันไม่แคร์” ของ Apple

ในกล่องนอกจากดินสอด้ามเขื่องแล้ว ยังให้หัวดินสอสำรองมาอันนึง และ หัวแปลงสำหรับชาร์จไฟกับสายชาร์จ Lightning อีกหนึ่งอัน ซึ่งครั้งแรกผมใช้หัวชาร์จนี้กับสายชาร์จจนเต็ม

หลังจากนั้นด้วยความที่กลัวเจ้าอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ นี้จะหาย เลยเก็บลงกล่อง แล้วอาศัยชาร์จดินสอกับตูดไอแพดแทน

ด้วยการเปิดตูดดินสอ จะเห็นขั้วเชื่อมต่อตามภาพด้านบน จากนั้นเอาไปเสียบที่ช่องชาร์จแบตของไอแพดได้ทันที

ชาร์จผ่านตัวเครื่องไอแพด 15 วินาที สามารถใช้งานได้ 30 นาที ตามข้อมูลอ้างอิงจากหน้าเวป Apple

ตอนชาร์จสามารถรูปหน้าจอลงเปิดดูแถบ Widget เพื่อเช็ค % ของแบตเตอรี่ได้ โดยจะแสดงทั้งแบตฯ ของไอแพด และ แบตของดินสอ

ดินสอด้ามเขื่อง ข้อดีคือ จับถนัดมือดี ด้ามจะด้วนกว่าปากกาทั่วไปในประเทศไทยนิดนึง เค้าคงออกแบบด้วยขนาดมือของคนอเมริกันหน่ะครับ มือผมว่าใหญ่ ๆ ยังรู้สึกว่าอ้วนไปนิด แถมลื่นไปหน่อย ครั้นจะเอาปลอกกันลื่นมาใส่ก็จะทำให้ด้ามอ้วนเกินความเคยชิน

แต่ใช้ไปสักครู่ก็ชินกับความอ้วนของดินสอราคา 3,900 บาท O_o!

มีแอพฯ สำหรับออกแบบ วาดรูป รองรับดินสอมากมาย มีทั้งฟรี และ เสียเงิน ผมโหลดมากว่าสิบตัว สุดท้ายใช้งานจริงเพียง 4 ตัว เพราะมันเหมาะสมกับวิธีการใช้งาน และ ความสะดวกกับงานที่ทำมากกว่า

โดยผมใช้แอพฯ ดังนี้

Photoshop Mix
Concepts
UMake
Paper

แอพฯ อื่น ๆ ที่ไม่ใช่แอพฯ วาดรูปผมใช้

Facebook
Youtube
NeoSoarBook เอาไว้อ่านอีบุ๊ค
Simplenote เอาไว้ซิงค์โน๊ตกับแอนดรอยด์
myMail

ทั้งหมดนี้ใช้งานบนเครื่อง iPad Pro 9.7 Wifi + Cellular ความจุ 32 กิ๊ก สบาย ๆ

การใช้งานจริง

ว่ากันด้วยเรื่องขนาด

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการตัดสินใจเลือกระหว่าง 9.7 และ 12.9 นิ้ว เพราะมันใช้งานได้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมเลือก 9.7 นิ้ว เพราะโจทย์คือความสะดวกในการพกพา ใช้งานง่าย คือ อยู่ในที่สาธารณะ ยังสามารถหยิบออกมานั่งใช้งานโดยไม่รบกวนคนอื่น รวมไปถึงไม่เป็นเป้าสายตาของคนอื่น

แต่ต้องแลกมาด้วยขนาดหน้าจอที่ “เล็ก” ไปสักนิดในการวาดแบบ เขียนงานต่าง ๆ เพราะหน้าจอมันเล็กกว่ากระดาษ A4 นิดหน่อย แถมเล็กกว่ากระดาษสเก็ตภาพมาตรฐานพอสมควร

ด้วยแอพฯ Concepts เราสามารถซูมภาพที่วาดได้ หรือ จีบนิ้วเพื่อย่อลงให้เห็นภาพองค์รวม ทำให้ใช้งานคล่องตัว สะดวก เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดีวก่าการวาดบนกระดาษ การลบ การเขียนลายแล้วทำซ้ำด้วยคำสั่ง Copy/Paste แทนกระดาษลอกลาย ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น

แต่ยังไง ๆ ฟิลลิ่งก็ยังไม่เหมือนการเขียนแบบบนกระดาษอยู่ดี…..คนสมัยพี่……มันไม่ฟิน

มันไม่ได้อารมณ์ความ “สาก” ของกระดาษที่สร้างเสียงลากดินสอขณะที่บรรจงสร้างลวดลายต่าง ๆ แต่มันเขียนแล้วเงียบสนิท ไม่เกิดอารมณ์ร่วม

ผมเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่เติบโตมากับเทคโนโลยน่าจะให้ความรู้สึกสมใจมากกว่าการใช้ Wacom เขียนบนแผ่นรองเพื่อแสดงขึ้นจอคอมพิวเตอร์ เพราะการวาดบน iPad Pro มันวาดแล้วเห็นตรงนั้น เสมือนหนึ่งเขียนบนกระดาษ….น่าจะฟินกันเป็นแถว ๆ

ส่วน Apple Pencil ที่เค้าว่ากันว่า แม่นนัก แม่นหนา บอกเลย มันแพ้ปากกาของ Galaxy Note เยอะเลยแหละ

Apple Pencil ต้องต่อผ่าน Bluetooth และ นั่นทำให้เกิดข้อจำกัดมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

Apple Pencil ต้องชาร์จแบต
Apple Pencil ต้องเชื่อมต่อทำความรู้จักกับ iPad วันดีคืนดี มันลืมกัน ต้องจิ้มตูดสักทีให้มันจำกันได้
Apple Pencil บางจังหวะ วาดแล้วมันวิ่งตามมือเราไม่ทัน
Apple Pencil บางทีตั้งเป็นเส้นดินสอบาง แต่วาดแล้วกลายเป็นเส้นใหญ่มาก เรียกว่าเพี้ยนนั่นเอง

แม้ว่าจะมีข้อติบ้าง แต่โดยรวมการใช้งานสะดวก ด้วยรูปลักษณ์เหมือนดินสอทั่วไป จับถนัดมือกว่าด้ามผอม ๆ ของ Galaxy Note การควบคุมจังหวะลายเส้นต่าง ๆ ทำได้ดี ต้องขอบคุณทีมออกแบบที่กล้าทำ Stylus โดยการลอกแบบจากดินสอกันดื้อ ๆ

บทสรุป

พกพาง่าย น้ำหนักเบา แต่เล็กไปนิดเวลาเอามาวาดแบบ

ใช้งานอีเมลล์สะใจ เปิดเอกสารเต็มตากำลังดี

แบตอึด หน้าจอสว่าง การใช้งานเสถียร ไม่มีปัญหากวนใจเลย

โดยรวมมันเหมาะกับชีวิต On the GO แบบมนุษย์ไม่ค่อยอยู่กับที่ เดินทางไปโน่น นั่นนี มีภาระนอกห้องทำงานตลอด แต่ไม่อยากพกอุปกรณ์เขียนแบบมากมายติดตัว

ถ้าจะเอามาทำงานอย่างอื่น ไม่เน้นเขียนแบบ หรือ วาดภาพ บอกเลยพก iPad Air 2 ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง ๆ

ถ้าจะเน้นเอามาทำงานเอกสาร แทนโน๊ตบุ๊ค….คุณคิดผิดแล้ว ยังไงมันก็ทำงานสู้พวกโน๊ตบุ๊คไม่ได้ ถ้ากลัวหนักไปซื้อ อัลตร้าบุ๊ค น้ำหนักพอ ๆ กับ iPad Pro นะครับ ราคาพอ ๆ กันด้วยแถมทำงานได้ดีกว่าในทุกด้านยกเว้นวาดรูป คือเห็นบางคนบอกฟินมาก ซื้อ iPad Pro แล้วใส่เคส Keyboard ให้มันกลายเป็นอัลตร้าบุ๊คด้วยความภูมิใจ……ผมนี่ลั่นเลย

สรุปแล้วถ้าคุณไม่ใช่คนสายเขียนแบบ วาดรูป อาร์ตติส หรือ อะไรทำนองนี้ที่ต้องการ Apple Pencil ผมว่า iPad Pro มันไม่จำเป็นกับคุณเลย นอกเสียจากคุณจะเห็นว่าส่วนต่าง iPad Air 2 กับ iPad Pro 9.7 นั้นมันน้อยมาก ก็เลือกที่สบายใจได้เลย

สำหรับพี่อาร์ต iPad Pro 9.7 นิ้ว มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผมได้ดีแบบหาตัวอื่นมาแทนไม่ได้

ขอให้มีความสุข สนุกกับชีวิต LifeStyle IT ครับ

_________________________________________________________________