แกะกล่อง ลองเล่น Apple TV ค่าตัว 3,800 บาท โคตรคุ้มขอบอก

Apple TV อุปกรณ์ต่อพ่วงทีวีของแอปเปิ้ลที่เหมือนจะทำอะไรไม่ได้เยอะ กระแสเงียบพอสมควร แต่….xenon_art ซื้อมาใช้แล้วดีมากขอบอก โคตรคุ้มเลย

อุปกรณ์เล็ก ๆ ชิ้นนี้บอกได้เลยว่าไม่เคยอยู่ในสายตา เคยเล็งไว้หลายรอบแต่ไม่ได้ซื้อเพราะทำอะไรไม่ค่อยได้มาก แล้วไอ้ที่ทำได้มันก็ช่างห่วยเสียนี่กระไร จึงบอกตัวเองหลายครั้งว่าจะจ่ายเงิน 3,800 บาทไปเพื่ออะไร??

ถ้าจะเล่น Apple TV สู้ไปเล่น Android TV น่าจะดีกว่า และ ตอบสนองความต้องการได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นแอพดูหนังต่าง ๆ อย่าง TV Thailand หรือ Kantana TV เป็นต้น

แต่ล่าสุดได้โจทย์ใหม่มา กับการที่คุณแม่ชอบดูละครย้อนหลัง รวมไปถึงซีรียส์บนไอแพด แล้วบ่นว่าดูนาน ๆ เมื่อคอ เมื่อยตากับจอ iPad Air ขนาด 9.7 นิ้วที่ไม่เหมาะกับผู้อาวุสโสถ้าจะดูหนังนาน ๆ หลายชั่วโมงผมเลยตัดสินใจลองวัดดวงกับ เงิน 3,800 บาท ซื้อ Apple TV gen 3 มาสังเวย “ละครย้อนหลัง” บนไอแพดซะ

ผลการใช้งานบอกเลยว่าประทับใจมาก และ ถือว่าคุ้มค้าเงินโคตร ๆ จนต้องเอามารีวิวเล่นให้ฟังนี่แหละ แต่ก่อนจะไปลงรายละเอียดมาดูแกะกล่องแบบเร็ว ๆ กันดูว่ามันมีอะไรมาให้บ้าง แล้วผมจะค่อย ๆ เล่าข้อดี ข้อเสียของมันให้ฟัง

เริ่มจากตัวกล่องของ Apple TV ที่มีขนาดรกะทัดรัดมาก ๆ ประมาณกล่องไอโฟน 2 กล่องประกบติดกัด มีภาพ Apple TV   สีดำบนพื้นขาวตามสไตล์ แอปเปิ้ล

อ้อ สำหรับคนที่สงสัย บอกเลยว่า Apple TV มีสีดำสีเดียวครับ

ด้านข้างกล่องสังเกตุคำว่า 1080p ซึ่งจะหมายถึง Gen 3 รุ่นล่าสุด (แต่ออกมาเกือบปีละ) รองรับการส่งไฟล์ความละเอียด 1080p สู่ทีวีระดับ Full HD

ส่วน Gen 2 นั้นหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่รองรับการแสดงผลสูงสุดเพียง 720p เท่านั้น ก่อนซื้อดูให้มั่นใจ

อุปกรณ์ในกล่องไม่มีอะไรมาก มีเพียง

1. ตัวเครื่อง
2. สายไฟ
3. รีโมทพร้อมใส่ถ่านมาให้เสร็จ
4. คู่มือภาษาไทยแบบย่อ

ไร้สาย HDMI สำหรับต่อทีวี และ ไร้สาย LAN ในกรณีต้องการต่อกับ Router ใครขาดสายไหนคงต้องไปหาซื้อเอาเองโดยเฉพาะสาย HDMI ให้ซื้อมารอได้เลยไม่งั้นต่อออกทีวีไม่ได้

แน่นอนนะครับว่าหากต้องการใช้ Apple TV โทรทัศน์ของท่านต้องมีช่อง HDMI ด้วยนะ

ด้านหน้าตัวเครื่องสีดำด้าน ขนาดกระทัดรัด และ เบาสุด ๆ จนสามารถพกไปไหนมาไหนได้สบาย (แต่ผมคงไม่พกอะนะ)

ขอบรอบเครื่องเป็นสีดำเงา ด้านหลังมีช่องเสียบสายไฟ, HDMI, LAN,  Optical Audio และ ช่องสำหรับสาย MicroUSB

รีโมทสีเงิน ขนาดน่ารัก รูปทรงแนวไอพ๊อดที่มีปุ่มควบคุมตัวเครื่อง Apple TV แบบง่าย ๆ

ถ่านกระดุมอันเบ่อเร่อ ถ้าหมดก็หาซื้อไม่ยากครับ

เสียบปลั๊กไฟพร้อมใช้งานกันไวไฟที่บ้าน

เปิดเครื่องมาปุ๊ป ตั้งค่าง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอน รวมถึงการเชื่อมต่อไวไฟที่เราต้องการใช้ร่วมกับ ไอแพด หรือ ไอโฟน ก็จะได้หน้าจออย่างที่เห็น และ เนื่องจากเราตั้งเป็นประเทศไทยไว้ แอพต่าง ๆ ก็จะถูกจำกัดไปด้วย หากต้องการลองแอพของอเมริกา ก็ให้ไปที่ setting->reginal->america

แต่เชื่อผมเถอะ เสียเวลาเปล่าเพราะบริการหลาย ๆ ตัวเราใช้ไม่ได้โดยเฉพาะ Netflix และ ต่อให้ใช้ได้ คุณจะจ่ายค่ารายเดือนหรือไม่????

วิธีการง่าย ๆ ในการใช้รีโมทควบคุม คือ ปุ่มวงแหวนด้านบนเป็นปุ่มบังคับทิศทาง ขึ้น ลง ซ้าย ขวา ปุ่มกลม ๆ สีเงินตรงกลางวงกลมเป็นปุ่ม ตกลง หรือ OK

เวลากดเข้าเมนูไหนไปแล้วต้องการย้อนกลับ ให้กดปุ่ม Menu ซึ่งการกด 1 ครั้งเป็นการถอยหลัง 1 ขั้น กดมาเรื่อย ๆ ก็จะกลับมาที่หน้าจอหลัก

อย่างที่บอกว่า ฟังค์ชั่น ของ Apple TV  มีอะไรให้เล่นไม่เยอะ เพราะหลาย ๆ อย่างมันไม่เหมาะกับการมาเล่นบนทีวี ส่วนไอ้ที่เล่นได้มันก็ห่วยมาก

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็แอพ Youtube บน Apple TV ที่ทำงานได้แบบไม่เต็มใจ หน้าตาไม่เหมือน Youtube ทั่วไป และ ไม่สะดวกสุด ๆ เพราะเวลาจะค้นหาวีดิโอทีนึง เหอะ เหอะ เหอะ

แป้นพิมพ์มันเป็นแบบนี้ละครับพี่น้อง จะพิมพ์ทีเหงือกแห้งเลย แถมไม่มีภาษาไทยอีกต่างหาก ผมถึงบอกว่ามีให้เหมือนไม่ค่อยเต็มใจให้ใช้เท่าไหร่นัก

แต่โจทย์ของผมวันนี้ต้องการเพียงแค่เอาหน้าจอไอแพดขึ้นทีวีเท่านั้น ดังนั้นผมบอกคุณแม่ว่า ลูกเล่น และ แอพพริเคชั่นอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจ ใช้ AirPlay เท่านั้น ที่เหลือเล่นจาก ไอแพด แล้วไปแสดงผลบนหน้าจอทีวีเอาดีกว่าเยอะ

เมื่อมั่นใจว่า ไอแพด และ แอปเปิ้ล ทีวี เชื่อต่อไวไฟเดียวกันแล้ว ก็จัดการรูดหน้าจากไอแพด (หรือ ไอโฟน) ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS7 จากขอบจอล่างขึ้นบน เพื่อแสดงแถมคำสั่ง

จากนั้นจะเห็นคำว่า AirPlay ตามรูปด้านบน ให้แตะที่ AirPlay แล้วเลือก Apple TV

สังเหตุว่าจะมีให้เลือกเปิด – ปิด “การสะท้อน” หรือ mirror ซึ่งจะเป็นการจำลองหน้าจกไอแพดเราบนหน้าจอทีวี

เวลาเราเล่นอะไรบนไอแพด หน้าจอก็จะแสดงผลตามนั้นเป๊ะ ๆ การใช้งานต่าง ๆ ใช้แอพของ ไอแพด ได้เลย อย่าง Youtube ก็ใช้ง่าย พิมพ์ค้นหาสะดวกกว่าใช้ Youtube ของ Apple TV เองเยอะเลย

จะเล่นเกมส์ จะเข้าเวป จะดูหนัง สะดวกไปหมด ไม่ง้อแอพบน Apple TV แม้แต่น้อย

และด้วยมันเป็นการสะท้อนหน้าจอ การแสดงผลมันเลยไม่เต็มจอ เพราะทีวีเดี๋ยวนี้ส่วนมากมีหน้าจอ 14:9 แต่ไอแพดมีสัดส่วนหน้าจอ 4:3 ขอบด้านข้างจึงเป็น “จอดำ” ไม่เต็มเฟรม

อีกทั้งการใช้งาน สะท้อน หมายถึงเราทำอะไรบนไอแพดมันจะมาแสดงผลทั้งหมด ไม่ว่าจะพลิกหน้าจอ รวมไปถึงการดับหน้าจอ ดังนั้นเวลาดูหนังคงไม่สะดวก

วิธีง่าย ๆ ถ้าจะเล่น AirPlay เพื่อดูหนังจากแอพต่าง ๆ หรือ จากวีดิโอในเครื่องไอแพด คือ เมื่อกำลังเล่นหนังอยู่นั้น สังเกตุมุมล่างขวาของจอไอแพด จะมีไอค่อน AipPlay อยู่

แตะปุ๊ปจะมีหน้าต่างเล็ก ๆ ขึ้นมา เพื่อปิด “การสะท้อน” หรือ เลือกเล่นไฟล์บน Apple TV

เมื่อเลือกปุ๊ป หน้าจอไอแพดเราจะดำ แล้วแจ้งว่าการแสดงผลจะไปอยู่บนหน้าจอทีวี ทีนี้เราจะดับหน้าจอ หรือ เอียงเครื่องอย่างไรก็ไม่มีผลแล้ว

ส่วนทีวีของเราก็จะแสดงผลเต็มจอชัด  ๆ สวย ๆ…….มาแล้ว The Heirs แบบเต็มจอ ขัดระดับ HD ว้าววววว

บอกเลยว่า ผมเคยบอกคนอื่นว่า จะเสียเงินซื้อ Apple TV มาทำไมถ้าจะเอาแค่แสดงผลไอแพดบนหน้าจอทีวี ทั้ง ๆ ที่เราไปซื้อสายต่อทีวีของ Apple มาใช้ได้ด้วยราคาพันนิด ๆ แต่ผมผิดครับ ผิดอย่างไรบ้างมาดูข้อดี ข้อเสียของ Apple TV กัน

ข้อดีในการซื้อ Apple TV มาดู “ซีรียส์” จากไอแพด

1. สามารถนั่งตรงไหนก็เล่นหนังบนทีวีผ่านไอแพดได้ หากใช้สายต่อตัวเครื่องจะต้องวางอยู่ตรงทีวีเพราะสายมันยาวประมาณเมตรเดียวเอง จะเปลี่ยนตอน จะทำอะไรทีก็ต้องเดินไปหน้าทีวีทั้ง ๆ ที่กำลังนั่งสบาย
2. การเชื่อต่อผ่านไวไฟ ทำให้หมดปัญหาว่าอนาคตหากเค้าเปลี่ยนช่องต่อ Lightning เป็นแบบอื่นแล้วสายเดิมจะใช้ไม่ได้ เหมือนสายที่ผมเคยซื้อมาแล้วทิ้งไปแล้ว เรียกว่าเสียเงินฟรี ๆ
3. สามารถแสดงผลเต็มจอได้ชัด ๆ เนียน ๆ ต่างกับสายที่แสดงผลไม่เต็มจอ
4. การอัพเกรดระบบปฏิบัติการทั้งบนไอแพด ไอโฟน หรือ Apple TV ในอนาคต อาจได้ลุ้นว่าจะได้ใช้ฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ ได้ ต่างกับสายที่ทำอะไรไม่ได้

ข้อเสียในการซื้อ Apple TV มาดู “ซีรียส์” จากไอแพด

1. แพง….กับแน่นอนว่าค่าตัว 3,800 บาท มันยังไม่รวมสาย HDMI ที่จำเป็นในการใช้งาน รวมสายพื้น ๆ เบ็ดเสร็จก็สี่พันกว่า ห้าพัน นับเป็นการลงทุนที่สูงไม่น้อยเพียงแค่เอามาดู “ซีรียส์”
2. Apple TV เองทำอะไรไม่ได้มาก แถมทำได้ไม่ดี ถ้าคิดจะซื้อมาใช้ลูกเล่นล้ำ ๆ คงนั่งร้องไห้
3. จะดู ละครย้อนหลัง หรือ ดูซีรียส์ ต้องดูผ่านแอพ ซึ่งบางแอพเสียเงิน และ แพง แต่ยังพอมีช่องทางดูผ่านเวปได้เช่นกัน ลำบากหน่อยแต่ฟรี (ไม่เต็มจอนะ)

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ Apple TV ที่ดู “ง่อย ๆ ” ทำอะไรไม่ค่อยได้ แถมราคาไม่ได้ถูกหากคิดรวมกับสาย HDMI ที่จำเป็นต้องซื้อแยก แต่….สำหรับผม การเสียเงินประมาณ 5 พันบาท เพื่อให้คุณแม่ และ ครอบครัวได้ดูหนัง และ ซีรียส์ เต็มอารมร์บนทีวี ไม่ต้องนั่งเพ่งจอไอแพดให้ตาเหล่ ผมว่า “โคตรคุ้ม” ครับ

ใครที่ผมเคยบอกว่า “ซื้อมาแค่เอาไอแพดออกจอทีวีหน่ะ ไร้สาระ” วันนี้ผมต้องบอกใหม่ว่า….มันสุดยอดมากกก กกกกกก มันเป็นการเอาคลังหนัง และ รูปของเราไปดูบนจอทีวีแบบง่าย ๆ ไร้รอยต่อจริง ๆ

แล้วอย่าลืมดูรีวิวของผมใน Youtube บนหน้าจอทีวีนะครับ

ขอให้มีความสุขกับ Apple TV ที่เพียงใช้ดูละครก็คุ้มแล้ว

_________________________________________________________________

หากเพื่อน ๆ ชอบเรื่องกิน เที่ยว และ รีวิวของผมที่ตรงไปตรงมา ไม่มีอวย

ฝากเพื่อน ๆ กด LIKE Facebook Fanpage ของผมเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ

http://www.facebook.com/xenonartpage?ref=hl