หลังจากดองเค็มไว้หลายวัน วันนี้ได้ฤกษออกรีวิวตัวเครื่อง Galaxy Cooper แล้วครับ ต้องขออภัยเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่านหากรีวิวนี้ช้าไปนะครับ

ได้เครื่องนี้มาสัก 3 วันแล้วครับ ลองใช้ดูสักพัก ก็จัดการถ่ายรูปทำรีวิวซะเลย ตอนแรกจะทำเป็นแกะกล่อง แต่บังเอิญเครื่องที่ได้มาไม่มีกล่องครับ

ตามมาชมกันเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ขนาดเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy S เป็นอย่างไร

เนื่องจากไม่มีกล่องมาให้ แต่เท่าที่เช็คดูอุปกรณ์ในกล่องก็มีให้ตามมาตรฐานปัจจุบันคือ สายดาต้า ที่ชาร์ตไฟบ้าน หูฟัง และ คู่มือ จึงขออญุญาติไม่มีภาพอุปกรณ์ในกล่องนะครับ แต่ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหากับสมาชิกเวปเราแต่อย่างใด อิ อิ

ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงมาดูภาพพร้อม ๆ กันเลยครับ

เริ่มจากด้านหน้าที่มองเผิน ๆ จะเหมือนกัน Samsung Galaxy S รุ่นพี่ตัวเจ๋งที่ยังหาคู่มวยเปรียบได้ยาก แต่หากได้สัมผัสตัวจริงแล้วต้องบอกว่า ฟิลลิ่ง ต่างกันพอควรครับ เพราะขอบข้างเป็นลักษณะตรง ๆ ไม่ได้โค้งมน และ ลื่นมือเหมือน Galaxy S

ด้านหลังเป็นฝาปิดแบต ซึ่งวัสดุเป็นพลาสติก แต่เค้าเพิ่มลูกเล่นโดยการทำลายไว้ทำให้จับกระชัดมือ ไม่ลื่น แถมได้ความรู้สึกที่หรูหรากว่าพลาสติกเรียบ ๆ ที่หลาย ๆ คนบ่นว่าดูเหมือนของถูก ๆ ง

งานนี้ Samsung แก้มาดีมาก ๆ ครับ

มาดูลายฝากหลังกันชัด ๆ ใกล้ ๆ จะเห็นได้ว่าความลึกของลายกำลังดี ไม่ลึกเกิน และ ไม่ตื้นเกินจนจับแล้วไม่รู้สึก

 

การเปิดฝากหลังก็แงะออกมาตรง ๆ เลยครับ โดยจะมีร่องให้เอาเล็บสอดเข้าไปได้

เปิดฝากหลังมาก็เจอกับ แบตเตอร์รี่ และ ช่องเสียบซิมการ์ดที่ต้องถอดแบตออกก่อนจึงจะเปลี่ยนซิมการ์ดได้

 

หน้าจอ HVGA สวยเกินราคาค่าตัวอย่างแรงครับ แถมมาพร้อม TouchWiz UI3.0 ตัวล่าสุดที่ไม่ค่อยมี Lag แล้ว

ด้านข้างซ้ายมือของตัวเครื่อง จากลนลงมาก็จะเริ่มด้วยปุ่ม Power ถัดลงมาตรงกลางเครื่องก็เป็นช่องใส่ Micro SD card ที่มีฝาปิดกันฝุ่นอย่างดี ซึ่งสำหรับผม ผมว่าสะดวกมาก ๆ ที่เอาช่องใส่เมมมาไว้ด้านนอก ทำให้ตอนเปลี่ยเมมไม่ต้องถอดฝากหลังให้วุ่นวาย

มาดูใกล้ ๆ อีกซะทีกับช่องใส่เมม

ด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีแค่ปุ่มปรับ เพิ่ม-ลบ เสียง ที่เป็นสีโครเมี่ยมเหมือนขอบเลย กลมกลืนกันดี แบน ๆ เรียบ ๆ แต่กดง่ายไม่ลำบากแต่อย่างใดครับ

ด้านบนของตัวเครื่องก็เป็นช่องเสียบสายชาร์ต และ สายซิงค์ขนาดมาตรฐานยุคนี้ที่ 3.5 มม. ทำให้สามารถเอาหูฟังเทพ ๆ มาใช้ได้โดยไม่มีปัญหา ต้องหาตัวแปลงเลย

ด้านล่างของเครื่อง ตรงกลางจะเห็นรูเล็ก ๆ ซึ่งมันก็คือรูไมค์โครโฟน นั่นเอง ถัดลงไปนิดนึงจะเป็นร่องเปิดฝาปิดแบต

ด้านหน้าตามสไตล์เดียวกับ Galaxy S คือมี ปุ่ม hardware ตรงกลางเพียงปุ่มเดียวคือปุ่ม Home

ขนาบข้างด้วยปุ่มแบบสัมผัส ด้านซ้ายเป็นปุ่มเมนู ด้านขวาเป็นปุ่มกลับ ที่จะมีไฟเรืองแสงออกมาหากเราสัมผัสมัน แต่แอบบอกว่ามันดับเร็วไปนิด ยังไม่ได้เข้าไปดูใน setting ว่าสามารถตั้งเวลาดับของไฟตรงปุ่มได้หรือไม่ แต่ใช้ไปสักแป๊ปก็ไม่รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด

มาดูหน้า setting สี ๆ ตามสไตล์ Froyo 2.2

Samsung Galaxy Cooper หรือ ที่ต่างประเทศบางประเทศเรียกรุ่น Galaxy Ace มาพร้อมกับ Android Froyo 2.2.1 ที่มี font ไทยมาในตัวเลย

 

หันมามอง Phone Storage ที่เอาไว้ลงโปรแกรม และ เป็นเมมเพื่อรันโปรแกรมต่า ๆ ผมทำการ Hard Reset แล้วเช็คดูจะเหลือเมมอยู่ 159 เมก ซึ่งเพียงพอกับการใช้งาน เพราะ Android Froyo สามารถผลักโปรแกรมไปติดตั้งการเมมการ์ดได้

หน้าเมนู ของ TouchWiz UI3.0 ซึ่งดูเผิน ๆ หน้าตาของการจัดวาง และ ไอค่อนต่าง ๆ จะเหมือนกัน Galaxy S

Firmware จากโรงงานมี 2 หน้า พร้อมโปแกรมที่จำเป็นครบทุกอย่าง เรียกว่าหากเป็นมือใหม่ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องหาอะไรมาลงเพิ่มครับ สบาย ๆ

แต่ถ้ามือซนมือคัน และ เป็นมือเก่า Android ก็สบายมากครับ เพราะโหลดจาก Android Market ที่มี Apps ฟรี ๆ ดี ๆ เยอะแยะมากมาย หรือ จะหาไฟล์ .apk เพื่อติดตั้งจากการ์ดก็ง่าย ๆ ครับ หาเอาหน้าบอร์ด www.pdamobiz.com/android ที่เพื่อน ๆ สมาชิก และ คุณแจ๊ก wasan007 มดจอมขยันประจำห้อง Android เอามาปล่อยแบบไม่ขาดสาย

ขอบคุณเพื่อน ๆ สมาชิก และ คุณแจ๊ค มาก ๆ ครับ

หน้าโทรศัพท์ก็ตามสไตล์ซัมซุง ตัวเลขใหญ๋ ชัดเจน กดไม่ผิดแน่นอนครับพี่น้อง โดยด้านบนจะมีแถบ 4 แถบให้เลือกใช้ตามความต้องการไม่ว่าจะเป็นหน้าโทรศัพท์ ประวัติการโทร เบอร์ที่โทรบ่อย (favourite) และ สมุดโทรศัพท์

ที่หน้าจอโทรศัพท์ เราสามารถใช้แป้นตัวเลขเพื่อพิมพ์ต้นหารายชื่อได้โดยตรง

ความเจ๋งอย่างหนึ่งที่ทำให้ Galaxy Cooper เป็นโทรศัพท์ที่เหมาะกับผู้เริ่มเล่น Android คือ มันจะมี Keyboard ภาษาไทยมาให้ใช้งานได้เลย ซึ่งมันจะฝังอยู่ใน Firmware จะ Hard reset กี่ทีก็สบายบรื๋อ ไม่ต้องไปลงเพิ่มจาก Market

หน้าตา Keyboard ภาษาอังกฤษ ที่คุ้นตา

ปรับเป็นแนวนอนดู โอ้โห พิมพ์ง่ายมาก ๆ ครับ ซึ่งหากสังเกตุดูจะเห็นว่าปุ่มหนึ่งมีภาษาไทย 3 ตัวอักษร ซึ่งการใช้งานนั้นไม่ต้องใช้ปุ่มยกแคร่ หรือ ปุ่ม Shift ในการเลือกตัวอักษรตัวบน แต่ใช้การกดเบิ้ล ๆ เพื่อเลือก (หากใครเคยใช้ Blackberry จะรู้ดีเพราะเหมือนกันเลย สะดวก และ กดมันส์สุด ๆ)

สมมุติเช่น หากเราต้องการพิมพ์อักษร “ท” เราก็กดปุ่ม “ท/ม” สองครั้ง ก็จะได้ตัวอักษร “ท” แต่หากกดทีเดียวจะได้ตัวอักษร “ม”

ภาษาอังกฤษ ในแนวนอนก็ใหญ่พิมพ์ง่ายดีครับ ซึ่งสำหรับภาษาอังกฤษจะมีปุ่มยกแคร่เพื่อเลือกเป็นตัวใหญ่

การสลับภาษาไทย – อังกฤษ ก็ง่าย ๆ ครับ แต่ตอนแรกแอบงงนิดหน่อยเพราะหาปุ่มสลับภาษาไม่เจอ  ตอนหลังเพิ่งถึงบางอ้อว่าเค้าใช้การแตะค้างที่ปุ่ม space bar 1 แล้วเลื่อนซ้าย-ขวา ในการเลือกภาษาที่จะพิมพ์ เท่ห์มาก ๆ ครับขอบอก

ผมเลื่อนเล่นอยู่พักใหญ่จนพบว่ามันแม่นยำดีครับ เพียงแต่เวลาเลื่อนเปลี่ยนภาษาต้องเลื่อนให้สุด หากเครื่องครึ่ง ๆ กลาง ๆ แป้นพิมพ์จะไม่เปลี่ยน

ใน keyboard ภาษาอังกฤษเวลาแตะที่ปุ่มก็จะมี virtual view ให้ดูว่ากดปุ่มอะไร เราสามารถเลื่อนไปเรือย ๆ จนกว่าจะแตะตัวอักษรที่ต้องการ พอยกนิ้วออกมาเครื่องก็จะทำการพิมพ์ตัวอักษรสุดท้ายที่นิ้วเราไปแตะครับ

 

เสียดายที่ภาษาไทยไม่มี virtual view ครับ ซึ่งผมเดาว่าเป็นเพราะสไตล์การพิมพ์ที่ต้องพิมพ์ซ้ำ ๆ แทนการกดปุ่ม shift จึงทำให้ทาง Samsung ตัด virtual view ออกไปครับ

เบื้องต้นเจ้าหนูน้อย Galaxy Cooper ก็เป็นอย่างที่เห็นครับ

 

ยัง….ยังไม่จบแค่นี้ครับ เพราะคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยอยากรู้คือขนาดครับ จัดการให้ทันใดครับ

เริ่มจากการเปรียบเทียบในมือเหี่ยว ๆ ของผม เพื่อเปรียบเทียบขนาดว่าเหมาะมือแค่ไหน ผมว่าไม่ใหญ๋ ไม่เล็ก น้ำหนักเบากำลังดี

ถ่ายคู่กับรุ่นพี่อย่าง Galaxy S เพื่อเทียบขนาดซะหน่อย

ซึ่งหากเทียบกับ Galaxy S แล้ว เจ้า Cooper มันสั้นกว่าแน่นอนครับ แต่ความหนานั้นหนากว่า Galaxy S เล็กน้อย

หน้าจกสดใสพอสมควร เรียกได้ว่าเอามาเทียบกับ Super AMOLED แล้วไม่ขายขี้หน้าแต่อย่างใดครับ ก็แหม ราคามันต่างกันเป็นเท่าตัวเลยครับ

เอามาลองถ่ายภาพคู่กับเครื่องรุ่นฮิตของสมัยนี้อย่าง Blackberry Bold 9700 กันดูกน่อย เผื่อจะได้เห็นภาพว่ามันขนาดเป็นอย่างไร

 

สรุปเบื้องต้นกับ Hardware ของ Galaxy Cooper

ราคาค่าตัวของ Galaxy Cooper อยู่ที่ หมื่นนิด ๆ หรือ บาง dealer ขายอยู่ที่ไม่ถึงหมื่น ซึ่งตอนผมไปเดินงาน Thai Mobile Expo สอบถามได้ความว่าบาง dealer ขายอยู่ไม่ถึงเก้าพันบาท โอ้วววว ถูกมาก ๆ (แต่ไม่ได้ซื้อ )

ด้วยราคาระดับนี้ ผมบอกได้เลยว่า สัมผัส และ งานประกอบของ Galaxy Cooper นั้นดีมาก ๆ เรียกว่าดีเกินราคาด้วยซ้ำ ไม่มีเสียงกรอบแกรบแต่อย่างใด ขนาดลองเอามือพยายามบีบแล้วนะครับ เรียว่างานประกอบของ Samsung นั้นได้มาตรฐานมาก ๆ

หน้าจอ ถึงแม้ไม่ใช่ Super AMOLED แต่ก็ไม่น้อยหน้าแต่อย่างใด การสัมผัสรู้สึกดี และ แม่นมาก ๆ การให้สีก็สดในเป็นธรรมชาติ จนเรียกว่าใช้ ๆ ไปแล้วลืมไปเลยว่ามันเครื่องละไม่ถึงหมื่น ฮา ฮา ฮา

แบต เบื้องต้นผมไม่ได้โทรมากนัก รับสายอย่างเดียว เปิดไวไฟไว้ รับ sms บ้าง ผ่านไป 30 ชั่วโมง เหลืออีก 80% ครับ

สรุปโดยรวมกับ Android ในราคาไม่ถึงหมื่น เจ้า Galaxy Cooper นั้นโดนเด่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานประกอบ การออกแบบ เรียกว่าคุ่มค่าคุ้มราคา ไม่ทำให้ผิดหวังแต่อย่างใด

คนที่กำลังมองหา Android ราคาไม่แพง งบประมาณไม่เกินหมื่น หรือ หมื่นนิด ๆ ที่ติดแบรนด์ระดับโลก ผมว่า Samsung Galaxy Cooper ไม่ทำให้ผิดหวัง และ เชื่อว่าอนาคตคงจะมี Galaxy Cooper Club ในเวปเราเหมือนรุ่นพี่ ๆ ที่ผ่านมา

หากยังลังเลอยู่ รอผมแป๋บนึงนะครับ เดี๋ยวจะมี vdo รีวิวการใช้งานของ Galaxy Cooper ออกมาให้ชมกัน แต่หากใครใจร้อน บอกได้คำเดียวว่า การใช้งานทุกอย่างเหมือน Galaxy S ทุกประการ เพียงแต่อาจไม่เร็วเทพ ๆ เหมือน Galaxy S (โดยเฉพาะตัวโม หาได้จากบ้าน i9000 Club ของเรา)

 

ขอบคุณ

  • ซัมซุงประเทศไทย
  • PDAMobiz สังคมแห่งการแบ่งปันดี ๆ ของเรา
  • สมาชิกทุกท่าน staff ทุกคน ที่ช่วยกันผลักดัน pdamobiz ให้ก้าวต่อไป

About the author

xenon_art

บล็อคเกอร์กวน ๆ อารมณ์ดี ขี้บ่นบ้างอะไรบ้าง ชอบเขียนเรื่องสมาร์ทโฟน กิน เที่ยว และ ของเล่น เขียนบทความเป็นงานอดิเรก

twitter: @xenon_art
Instagram: xenon_art